ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเช้าวันนี้ (28 มี.ค.66)) มาดามเดียร์ - วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง พรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) พร้อมด้วย นางสาวศิริภา อินทวิเชียร หรือ แนน ศิริภา ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 24 คลองสาน- ธนบุรี-ราษฎร์บูรณะ พรรคประชาธิปัตย์ ลงพื้นที่พบปะประชาชนบริเวณตลาดวงเวียนใหญ่ และตลาดเงินวิจิตร ครั้งแรกหลังพรรคประชาธิปัตย์ปรับเปลี่ยนตัวผู้สมัคร ส.ส.กทม. จาก กกต.แบ่งเขตเลือกตั้ง และผ่านการจัดทำไพรมารี่โหวตของพรรคแล้ว
โดยก่อนหน้านี้ได้ลงพื้นที่มาในโซนอื่นของเขตคลองสาน-ธนบุรี มาแล้ว ซึ่งมีประชาชนพ่อค้าแม่ค้าให้การตอบรับสอบถามพูดคุยกับ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.
นางสาวศิริภา กล่าวว่า การลงพื้นที่วันนี้ แม้จะเป็นวันแรกในย่านวงเวียนใหญ่ แต่ก่อนหน้านี้ก็เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ได้ลงพื้นที่มาอย่างต่อเนื่องทั่วกรุงเทพมหานครอยู่แล้ว รวมถึงมี ส.ก.ของพรรคในพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งและทำพื้นที่มาอย่างต่อเนื่อง
“พอลงมาก็ทำให้สัมผัสได้ว่าเสียงตอบรับค่อนข้างดี สมาชิกที่อยู่ในพื้นที่ก็ยังเหนียวแน่นและรักษาพื้นที่ไว้ได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนของพรรคก็ทำงานหนัก และดูแลพื้นที่ ดูแลประชาชนมาโดยตลอดช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้จะมีการปรับเปลี่ยนพื้นที่ ก็ยังสามารถทำงานได้อย่างต่อเนื่อง และพรรคประชาธิปัตย์ก็ทำงานเป็นทีมไม่ว่าจะอยู่พื้นที่ไหนก็ยังทำงานได้”
ทั้งนี้ พื้นที่เขต 24 คลองสาน-ธนบุรี-ราษฎร์บูรณะ แตกต่างจากพื้นที่เดิม เพราะขนาดของพื้นที่มีขนาดที่ยาวและกว้างมาก แต่ความใกล้ชิดกับพี่น้องประชาชนยังคงเดิม
ขณะที่ นางสาววทันยา กล่าวว่า การตอบรับหลังลงพื้นที่ทำให้พบว่าพรรคประชาธิปัตย์ยังคงมีแฟนคลับที่เหนียวแน่น และให้การตอบรับที่ดีมาโดยตลอด โดยเฉพาะฐานเสียงเดิมของพรรคจากทาง ส.ก. และสมาชิกพรรค
ทั้งนี้ไม่ได้กังวลว่าประชาชนจะสับสนแม้จะมีการเปลี่ยนเปลี่ยนตัวผู้สมัคร เพราะการทำงานของพรรคประชาธิปัตย์มีการทำงานเป็นทีม และในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ไหนก็เปรียบเหมือนเขตเดียวกัน เพราะผู้คนไหลเวียน และประชากรในกทม.มีการเคลื่อนไหวตลอด แต่สิ่งสำคัญคือ จะต้องทำงานให้เป็นทีม เป็นหนึ่งเดียวกันไปพร้อมกัน
และแม้นางสาวศิริภาจะเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ไม่ได้ใหม่เอี่ยม เพราะถือว่าเป็นผู้มีประสบการณ์ในการทำงานการเมือง ทั้งการเป็นผู้ช่วยของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา จึงถือว่าได้เรียนรู้กลไกการทำงานของระบบรัฐสภา ซึ่งถือเป็นระบบหลักในอำนาจนิติบัญญัติที่ ส.ส.จะต้องเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชน
ขณะที่ในพื้นที่ ยังมี ส.ก.ที่มีความแข็งแรงและดูแลพื้นที่มาโดยตลอด ทำให้การทำงานนั้น จะเป็นทั้งคนประสานงานในพื้นที่ ประกอบกับมีคนรุ่นใหม่ที่มีวิสัยทัศน์ มุมมองใหม่ๆ ที่รู้ถึงกลไกรัฐสภา ในการเข้ามาประสานความร่วมมือกัน เพื่อสะท้อนปัญหาในพื้นที่ให้ได้รับการแก้ไขในระบบรัฐสภา และในชั้นการบริหารงาน ซึ่งก็จะยิ่งทำให้การทำงานแข็งแรงมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ในพื้นที่ของฝั่งธน มองว่า เป็นพื้นที่ที่มีความเข้มแข็งของพรรคประชาธิปัตย์มาโดยตลอด จนเกิดเหตุการพลิกล็อกทางการเมืองที่เกิดขึ้น แต่แน่นอนว่าเวลาลงพื้นที่ยังสามารถได้รับเสียงตอบรับที่ดีจากแฟนคลังของพรรค
ส่วนกรณีการจัดลำดับบัญชีรายชื่อของพรรคประชาธิปัตย์ หลังทำไพรมารี่โหวตนั้น ไม่ได้คาดหวังกับลำดับอะไรเป็นพิเศษ และวันนี้สิ่งสำคัญไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะต้องอยู่ในลำดับที่เท่าไร แต่สิ่งสำคัญเราจะต้องเป็นปากเป็นเสียงและช่วยเหลือพรรค และเป็นกำลังสำคัญให้กับพรรคในการทำงานได้อย่างไรบ้าง นี่จึงเป็นสิ่งที่ผู้สมัคร ส.ส.ทุกคนควรจะทำ ทั้งนี้หากถูกจัดอยู่ในลำดับที่เท่าไรก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารพรรค