วันนี้(19 เม.ย.66) นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี และประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ได้ลงพื้นที่ช่วยหาเสียงให้กับ นายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ และเป็นผู้สมัคร ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 เบอร์ 5 พรรคชาติพัฒนากล้า ที่ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช อ.เมือง จ.นครราชสีมา มีนายวัชรพล โตมรศักดิ์ รองหัวหน้าพรรค และผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พรรคชาติพัฒนากล้า ร่วมลงพื้นที่ช่วยหาเสียงด้วย ซึ่งนายสุวัจน์ ได้แจกใบแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 และใบแสดงนโยบายพรรคฯ ให้กับประชาชนชาว จ.นครราชสีมา ที่มานั่งรับประทานอาหารบนฟู้ดคอร์ดชั้น 4 โดยมีประชาชนหลายคนมาขอถ่ายรูปเซลฟี่กันอย่างคึกคัก
นายสุวัจน์ กล่าวว่า เขตเลือกตั้งที่ 1 อำเภอเมืองนครราชสีมานี้ ถือว่าเป็นหัวใจหลักของเขตเศรษฐกิจโคราช ซึ่งได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนเลือก ส.ส.ของพรรค พล.อ.ชาติชาย ชุณหะวัณ อดีตหัวหน้าพรรคชาติพัฒนา และตนเอง ก็เคยเป็น ส.ส.ในเขต 1 นี้มาก่อน แต่สมัยที่แล้วเสียแชมป์ให้กับพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้นครั้งนี้จึงต้องส่งนายเทวัญ ลิปตพัลลภ เลขาธิการพรรคฯ ลงมาสมัครเอง เพื่อทวงแชมป์กลับคืนมาให้ได้
ส่วนนโยบายในการหาเสียงครั้งนี้ พรรคชาติพัฒนากล้า จะไม่เน้นนโยบายประชานิยม เพราะไม่ต้องการไปสร้างภาระหนี้สิ้นให้ประเทศชาติเพิ่ม แต่เราเน้นสร้างงานเพื่อให้ประชาชนมีงานทำ มีรายได้เพิ่มขึ้นเป็นหลัก เหมือนเรามอบเบ็ดและสอนให้เขารู้วิธีการนำเบ็ดไปตกปลา แทนที่จะให้ปลาเขากิน ซึ่งเป็นความไม่ยั่งยืน
นายสุวัจน์ กล่าวว่า พรรคฯ มีนโยบายด้านเศรษฐกิจทั้งระดับชาติ และระดับจังหวัด ในส่วนของจังหวัดนครราชสีมา ก็จะมีนโยบายโคราชโนมิก ซึ่งถือว่าเป็นพรรคการเมืองเดียวที่มีนโยบายเฉพาะจังหวัดสำหรับชาวโคราช
ส่วนเรื่องค่าไฟที่แพงขึ้น ก็ถือว่าเป็นปัญหาที่ต้องเร่งแก้ไขให้กับประชาชน เพราะปัจจุบันนี้ประเทศไทยผลิตไฟฟ้าจากแก๊สธรรมชาติ มากถึง 50% ซึ่งมีค่า FT หรือ ต้นทุนการผลิตสูงเกือบ 5 บาทต่อหน่วย
ขณะที่การผลิตไฟฟ้าจากพลังงานทดแทน เช่น พลังแสงอาทิตย์ และ พลังลม มีเพียงไม่ถึง 10% ทั้งที่พลังงานทดแทนมีต้นทุนการผลิตอยู่แค่ 2.10 เท่านั้น ดังนั้น สิ่งที่จะต้องเร่งช่วยเหลือประชาชนระยะสั้นก็คือ วันนี้เราสามารถชะลอการเก็บค่า FT เพิ่มไว้ก่อน แต่ระยะยาวเราต้องไปปรับโครงสร้างการผลิตไฟฟ้าของไทยใหม่ ซึ่งหากพรรคชาติพัฒนากล้าได้เป็นรัฐบาลจะทำให้ค่าไฟถูกลงได้ทันที
ส่วนการจะไปจับมือกับพรรคอื่นๆ จัดตั้งรัฐบาลคิดว่าเร็วไปที่จะพูดถึงเรื่องนี้ แต่มองว่าพรรคที่มีประชาชนเลือก ส.ส.เข้ามามากเป็นอันดับที่ 1 ก็ควรที่จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะถือว่าเป็นเสียงส่วนใหญ่ที่ประชาชนไว้วางใจเลือกพรรคเข้ามาบริหารประเทศ
"พรรคชาติพัฒนากล้า ก็ไม่ใช่พรรคใหญ่ที่จะไปต่อรองอะไรได้ จึงต้องมองว่าเราจะไปอยู่จุดไหนที่สามารถทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชนได้ รวมทั้งสามารถทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพในการบริหารประเทศไทย เราก็พร้อมที่จะสนับสนุนเสมอ"
ส่วนพรรคชาติพัฒนากล้า จะได้ ส.ส.ถึง 25 คน เพื่อเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีหรือไม่นั้น เราก็พยายามอยู่ เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันค่อนข้างสูง แต่ก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ส่วนผลการเลือกตั้งจะออกมาเป็นอย่างไร เราก็พร้อมที่จะยอมรับเสมอ