วันที่ 26 เมษายน 2566 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า ลงพื้นที่หาเสียงให้ นายสมบัติ กาญจนวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส.โคราช เขต 4 เบอร์ 4 และ นายสมศักดิ์ กาญจนวัฒนา ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 1 โดยเข้าเยี่ยมชมนิคมอุตสาหกรรมนวนคร อำเภอสูงเนิน จังหวัดนครราชสีมา และเยี่ยมชมโรงงานผลิตภัณฑ์ COTTO ของบริษัท สยามซานิทารีฟิตติ้ง จำกัด
นายสุวัจน์ กล่าวว่า วันนี้มาเยี่ยมนิคมอุตสาหกรรมนวนครและผู้ใช้แรงงานอุตสาหกรรม ในเรื่องของมาตรฐานฝีมือ เราได้มีการเตรียมไว้ตั้งแต่ 20 กว่าปีแล้วที่จะให้โคราชเป็นแหล่งพื้นฐานของการจ้างงานการลงทุน
โดยเฉพาะภาคอุตสาหกรรมตั้งแต่นโยบายเปิดประตูอีสานสู่อินโดจีน และมีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ซึ่งมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี ก็ได้ผลิตบัณฑิตบุคลากรให้กลับมาทํางานในนิคมอุตสาหกรรมเป็นจํานวนมาก กลายเป็นว่าคุณภาพของบุคลากรที่มหาวิทยาลัยผลิตมารองรับเป็นจุดขาย เป็นจุดแข็งอย่างหนึ่งของการมาลงทุนที่จังหวัดนครราชสีมา
นอกจากนั้น แรงงานได้ทำงานได้อยู่บ้านเกิดอย่างที่นิคมอุตสาหกรรมนวนคร ก็ใช้แรงงานทั้งหมดเกือบ 15,000 คน ส่วนใหญ่มาจากแรงงานในสูงเนิน และ พื้นที่ใกล้เคียง
“จากการพูดคุยทุกคนสบายใจที่ได้ทำงานอยู่บ้านเกิดมีความสุข ได้อยู่กับครอบครัว ด้านเจ้าของ ผู้จัดการนิคมฯ ก็บอกว่าเปรียบเทียบกับโรงงานที่ตั้งอยู่ที่สูงเนินกับโรงงานเดียวกันไปตั้งที่อําเภออื่น ปรากฏว่าที่สูงเนินมีผลผลิตสองเท่าเพราะผู้ใช้แรงงานเขารู้สึกว่าเขาทํางานอยู่บ้าน ฉะนั้น Productivity คุณภาพของกำลังแรงงานมีสูง อันนี้เป็นข้อดี เหมือนเราไม่ต้องอพยพ ไม่ต้องย้ายถิ่นฐาน งานมาหาเรา มาหาคน ทำให้คุณภาพดี”
ส่วนปัญหาเรื่องค่าแรงขั้นต่ำไม่มีปัญหา ทุกคนได้ 500-600 บาท เพราะโรงงานที่มา เป็นโรงงานที่มาตรฐานสูงการจ้างสูงสวัสดิการดี มีการเลื่อนลําดับ มีการโปรโมท ทําให้ทุกคนเห็นแสงสว่าง เห็นอนาคต ฉะนั้น บรรยากาศของการลงทุนโดยภาพรวมดีมาก
ที่สำคัญโคราชมีท่อแก๊สธรรมชาติมาถึงแล้ว และหากในอนาคตเราเร่งรัดเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน รถไฟ มอเตอร์เวย์ เสร็จ ความสะดวกสบายของนักลงทุนและการขนส่งสินค้าจะทําให้พวกต้นทุนค่า Logistic ค่าขนส่งถูกก็จะเพิ่มขีดความสามารถทางด้านการแข่งขันของโรงงานที่จะมาตั้งอยู่ที่โคราชอีสาน
ฉะนั้น อันนี้ถือว่าเป็นข้อมูลพื้นฐานที่สนับสนุนแนวคิดนโยบายในเรื่องของโคราชโนมิกส์ ที่เราอยากจะให้แผ่นดินอีสาน ได้เป็นแหล่งลงทุน เหมือน EEC แต่ว่าเรามองไกลกว่านั้น วันนี้เราค้าขายกับจีน และถ้าเราสามารถจะเชื่อมโยงกันเป็นอีสาน กับ จีนได้ ต่อรถไฟ ต่อมอเตอร์เวย์ ไปถึงจีนได้กําลังการซื้อประชากรจีนเกือบ 1, 400 ล้านคน
อันนี้คือ คู่ค้าใหญ่ของเรา ฉะนั้นนี้คือโอกาสของแผ่นดินอีสานในการที่จะเป็นระเบียงเศรษฐกิจ ทางด้านการลงทุนนี้มีสูงมาก และถ้าเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านที่เป็นมหาอำนาจ อย่าง จีน รัสเซีย ตามเส้นทางสายไหมเชื่อยุโรป ก็ยิ่งเพิ่มศักยภาพของโอกาสของแผ่นดินอีสาน ทำให้เราเป็นฐานการลงทุนได้อีกเยอะ
นอกจากนั้น คิดว่านโยบายที่เพิ่ม GDP ให้กับประเทศให้ทุกคนมีงานทำ และให้อีสานเป็นฐานผลิตของประเทศ ตนคิดว่ามีความลงตัว และมีความเหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นทั้งรอบอีสานและในตัวอีสานเอง
สำหรับจุดแข็งของการหาเสียงของพรรคชาติพัฒนากล้านั้น นายสุวัจน์ ย้ำว่า เราพยายามที่จะตอกย้ำความเป็นไปได้แล้วการเกิดขึ้นจริงและสิ่งที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาเศรษฐกิจที่อยู่ภายใต้นโยบายเศรษฐกิจของพรรค
ในเรื่องนโยบายในการที่จะสร้างงานใหม่ๆ เพื่อให้งานไปสร้างเงินให้กับพี่น้องประชาชน หรือว่านโยบายที่จะลดค่าครองชีพ ค่าไฟ ค่าน้ํามัน โดยเฉพาะเรื่องโคราชโนมิกส์ เราได้รับการขานรับซึ่งจะนำไปสู่การลงทุนครั้งใหญ่ของภาคอีสาน
“เรามีอุตสาหกรรมเกิดขึ้นพี่น้องแรงงานก็ไม่ต้องย้ายถิ่น และโครงสร้างพื้นฐานที่รัฐสร้างไว้แล้ว ก็ไปเร่งให้เสร็จโดยเร็วทุกอย่างก็จะเกิดขึ้นจริงๆ ก็จะชูเรื่องของนโยบายสร้างความชัดเจนของนโยบาย และจะต้องเน้นในเรื่องของการปราศรัยพบกับพี่น้องประชาชน ให้มากขึ้น เพื่อให้พี่น้องประชาชนที่ยังไม่ทราบได้ความชัดเจนมากขึ้น” นายสุวัจน์ กล่าว