มาดามเดียร์ วทันยา บุนนาค ประธานคณะทำงานนวัตกรรมการเมือง กทม. พรรคประชาธิปัตย์(ปชป. ร่วมเวทีดีเบต “วันเลือกตั้ง 2566 ตัวจริงชิงสภา” ที่เมืองไทย รัชดาลัยเธียเตอร์ กล่าวถึงหัวข้อการศึกษาว่า ปัญหาสำคัญที่สุดคือ ความเหลื่อมล้ำและบริหารงบประมาณอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ครูพยายามจะยัดเยียดเนื้อหาให้เด็กโดยเอาครูเป็นตัวตั้ง แต่ไม่ได้เอาเด็กเป็นตัวตั้ง
พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายเรียนฟรีถึงปริญญาตรี เพื่อลงทุนสร้างคนและลดความเหลื่อมล้ำ และส่งเสริมให้เด็กมีทักษะการเรียนรู้จากโลกภายนอกและการใช้ชีวิต
ส่วนหัวข้อของแพง น.ส.วทันยา กล่าวว่า ส่วนหนึ่งมาจากต้นทุนการผลิตคือ ค่าไฟฟ้า และ ค่าน้ำมัน และถ้าพรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล จะลดค่าไฟฟ้าได้เลยทันที
น.ส.วทันยา ยังกล่าวย้ำในช่วงตอบคำถามว่า ไม่มีปัญหาใดที่รัฐบาลแก้ไขไม่ได้ ถ้ามีความจริงใจในการแก้ โดยเฉพาะเรื่องทุจริตคอร์รัปชัน ที่ต้องแก้ด้วยการให้ประชาชนเข้ามามีส่วนร่วมในการตรวจสอบ
ในช่วงคำถามว่า “การขึ้นภาษีเป็นสิ่งที่คนไม่ชอบ แต่ถ้าไม่ขึ้นภาษีจะหารายได้อย่างไร?” น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตอนนี้เราเก็บภาษีอย่างมีประสิทธิภาพแล้วหรือยัง? ไม่ใช่ให้คนรวยเอาเปรียบคนที่มีรายได้ปานกลาง แต่ถ้าจะเก็บภาษีเพิ่ม เราจะเก็บภาษีมลพิษ เพื่อให้คนที่ก่อมลพิษรับผิดชอบโดยการจ่ายภาษีและคืนสุขภาพดีให้ประชาชน เก็บภาษีสุขภาพเรื่องความเค้ม ความหวาน และที่สำคัญคือต้องเก็บภาษีคนรวยให้มีประสิทธิภาพและลดความเหลื่อมล้ำของประเทศ
สุดท้าย น.ส.วทันยา กล่าวว่า วันนี้ไปที่ไหนก็มีแต่คนบอกว่า เจ็บ จน เจ๊ง เพราะของแพง แต่ไม่มีเงิน สิ่งแรกที่พรรคประชาธิปัตย์จะทำ คือ เข้าไปแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน แก้ไขค่าไฟฟ้าและพลังงานแพง หยุดสัมปทานพลังงานที่ผูกขาด พร้อมทั้งอัดฉีดเศรษฐกิจฐานรากด้วยเม็ดเงินหนึ่งล้านล้านบาท
และจุดยืนของพรรคคือ จะลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ด้วยการสร้างโอกาส สร้างเงิน สร้างคน และโอบรับความแตกต่าง เคารพในความเห็น หยุดการตีตราใครว่าเป็นฝ่ายไหน ไม่ว่าคุณจะเลือกใคร 14 พฤษภาคมนี้ อำนาจจะกลับมาในมือประชาชน กลับมาอยู่ที่ปลายปากกา ออกไปใช้สิทธิ์ของคุณ ออกไปเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
“วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ จะเป็นวันสำคัญที่อำนาจจะกลับมาอยู่ในมือของประชาชนอีกครั้ง อำนาจจะกลับมาอยู่ในปลายปากกาของตัวเองอีกครั้ง ออกไปเปลี่ยนอนาคตของตัวเอง ออกไปเปลี่ยนอนาคตประเทศไทย 14 พฤษภา” น.ส.วทันยา กล่าว