"จตุพร" ท้า "ทักษิณ" กลับมาติดคุก เชื่อเป็นเกมการเมืองหวังแลนด์สไลด์

02 พ.ค. 2566 | 07:30 น.

"จตุพร" วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน ท้า "ทักษิณ" อดีตนายกฯ กลับไทย ชี้เป็นเพียงเกมการเมืองหวังเรียกเสียงแลนด์สไลด์ แนะไม่อยากเป็นภาระให้ลูกหลาน ต้องกลับก่อนวันเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566

2 พฤษภาคม 2566 นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊คไลฟ์ประเทศไทยต้องมาก่อน ตอน "กดดัน" โดยตั้งข้อสังเกตถ้อยคำของนายทักษิณ ชินวัตร ที่โพสต์ระบุว่า " ขออนญาตกลับบ้านนะครับ" ถึง 2 ครั้งนั้น ขออนุญาตใครเพราะทักษิณเป็นคนไทย ย่อมมีสิทธิเดินทางกลับไทยได้ทันทีที่ต้องการกลับ

โดยนายจตุพร อ่านข้อความทวิตเตอร์ของทักษิณ ชินวัตร โพสต์ดีใจได้หลานคนที่ 7 ลูกของอุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พร้อมกับถามว่า การขออนุญาตกลับบ้านถึงสองครั้งในทวิตเตอร์ โดยอ้างต้องการกลับมาเลี้ยงหลานนั้น "ทักษิณ ขออนุญาตใคร" 

อย่างไรก็ดี นายทักษิณ หลังจากประกาศจะไม่พูดอะไรอีกจนถึงหลังการเลือกตั้ง 14 พ.ค. 2566 แต่เมื่อเช้า 1 พ.ค.2566 ได้โพสต์ทวิตเตอร์ข้อความแสดงความดีใจโดยระบุว่า

"เช้าวันนี้ (1 พ.ค.) ผมดีใจมากที่ได้หลานคนที่ 7 เป็นชายชื่อ ธาษิณ จากน้องอิ๊งค์ แพทองธาร หลานทั้ง 7 คน คลอดในขณะที่ผมต้องอยู่ต่างประเทศ ผมคงต้องขออนุญาตกลับบ้านไปเลี้ยงหลาน เพราะผมอายุจะ 74 ปีในกรกฎานี้แล้ว พบกันเร็ว ๆ นี้ครับ ขออนุญาตนะครับ" 

นายจตุพร สงสัยว่า นายทักษิณ โพสต์ต้องการกลับบ้านมาเลี้ยงหลานนั้นแต่ในโพสต์ระบุขออนุญาตถึง 2 ครั้ง ทักษิณ ขออนุญาตใคร และความเป็นจริง กรณีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้คำว่า ต้องขออนุญาตเพื่อให้เกิดปัญหาและความเสียหาย 

"การใช้ถ้อยคำวาจาที่ไม่ระมัดระวัง ความเป็นจริงแล้วคนอายุจะครบ 74 ปี ควรทบทวนถ้อยคำวาจา"

อีกทั้งกล่าวว่า ไม่ทราบทักษิณ คิดอะไรอยู่จึงมีทวงทำนองไม่ระมัดระะะวังคำพูดหรือจงใจเพราะการใช้ถ้อยคำขออนุญาตถึง 2 ครั้งนั้นมันเป็นปัญหาโดยข้อเท็จจริงขณะนี้คดีความทักษิณมีโทษจำคุก 12 ปีโดยในจำนวนนี้ 10 ปีไม่มีอายุความและคดีมีคำพิพากษาถึงที่้สุด จึงเป็นที่ยุติแล้ว

นอกจากนี้ยังย้ำว่า เราพยายามพูดหลายครั้งว่า ไม่มีคนไทยไปห้ามคนไทยเข้ามาในราชอาณาจักรได้ซึ่งทักษิณมีสิทธิกลับได้ทุกวัน พร้อมย้อนถึงเหตุการณ์เมื่อทหารยึดอำนาจปี 2549 ไทยรักไทยถูกยุบแล้วเกิดพรรคพลังประชาชน ลงเเลือกตั้งปี 2550 ได้นายสมัคร สุนทรเวช เป็นหัวหน้าพรรคและชูคำขวัญเลือกสมัครเป็นนายกฯเอาทักษิณกลับบ้านโดยทักษิณได้กลับมาก้มกราบแผ่นดินไทยจริงในครั้งนั้น

 

หลังจากนั้นเมื่อทักษิณได้กลับไทยแล้วยังไม่กล้าเข้าบ้านต้องไปเหมาโรงแรม 5 ดาวขนาดใหญ่ โดยอ้างเรื่องการรักษาความปลอดภัยแต่ท้ายที่สุดก็เข้าบ้านจนได้ เมื่อคดีที่ดินรัชดาใกล้มีคำพิพากษาของศาล ทักษิณ จึงเรียกแต่ละฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับตัวเองไปขอความคิดเห็นซึ่งตนเป็นคนหนึ่งในนั้น และได้บอกทักษิณ อย่าได้หลบหนี ถ้าต้องคำพิพากษาจำคุกให้เดินเข้าเรือนจำอย่างสง่างาม

ขณะนั้น เราเชื่อว่า ทักษิณจะเป็นนักต่อสู้แต่ว่าเสียงส่วนใหญ่บอกติดคุกวันเดียวก็ตายแล้ว โดยอ้างคดีฆ่าตัดตอนและคดีอื่น ๆ ที่เกิดขึ้นขณะเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ แต่ตนเป็นเสียงข้างน้อยและเชื่อว่า คงเป็นเสียงเดียวด้วยซ้ำว่า ไม่ต้องการให้หลบหนี

"แต่ท้ายที่สุดจิตใจที่มีความขี้ขลาด กล้ากระทำต่อคนอื่นแต่กลัวชีวิตตัวเอง แล้วตัดสินใจโดยแต่ละฝ่ายรู้แล้วว่า เมื่อออกไปแล้วจะไม่กลับ มีการขออนุญาตศาลไปดูกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาวที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน คนในพรรคพลังประชาชนและผมก็ไปส่ง มีการร่ำลากันและในใจของทุกคน คงไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กลับมา ว่ากันตามเนื้อแท้ก็คือ มีการจงใจปล่อยให้ออกนอกประเทศแล้วไม่ได้กลับมาอีกเลย"

อีกทั้งย้ำว่า เหตุที่ไม่ได้กลับมาไทยอีกนั้นไม่มีใครห้ามไม่ให้กลับ แต่เพราะจิตใจไม่แข็งพอซึ่งกลัวแม้กระทั่งติดคุกวินาทีเดียวก็ไม่ได้จนกลายเป็นแบบอย่างให้น้องสาวอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ในเวลาต่อมาว่า ติดคุกแม้วินาทีเดียวก็ไม่ได้แต่ลูกน้องตัวเองติดคุกได้ ไม่ว่าอยู่ในสนามการต่อสู้ ไม่ว่าจะเป็นรัฐมนตรี จนต้องคดีทุจริตคอร์รัปชั่นเช่นเดียวกับทักษิณ โดยส่วนใหญ่ติดคุกทั้งสิ้น แม้มีหลบหนีเหมือนทักษิณบ้างก็ตาม

นายจตุพร กล่าวว่า การแสดงความยินดีที่ได้หลานชายนั้นเป็นเรื่องปกติของมนุษย์แต่การเจตนาใช้ถ้อยคำว่า "ขออนุญาตกลับบ้านนะครับ" ซึ่งตนเชื่อว่าคำนี้เป็นปัญหาโดยคนชี้เป้าคำนี้เป็นกองเชียร์ของพรรคก้าวไกลกับเพื่อไทยที่แข่งขันกันแย่งชิงคะแนนเสียงกันอยู่ในขณะนี้ รวมทั้งคนเป็นวิญญูชนก็คิดไม่ต่างกัน ว่า พูดกับใคร

"เพราะถ้าขอนุญาตกับประชาชนแล้ว ทักษิณไม่จำเป็นต้องขออนุญาต ขออนุญาตกับรัฐบาล ทักษิณก็ไม่จำเป็นต้องขออนุญาต เพราะรัฐบาลไม่มีสิทธิที่จะห้ามไม่ให้ทักษิณ เข้่ามาในไทย หรือจะขออนุญาตต่อศาลก็เลยการขออนุญาตไปแล้ว เนื่องจากคดีตัดสินเป็นที่สิ้นสุดแล้ว" 

นายจตุพร ย้ำว่า การหนีคดีและมีหมายจับแล้วต้องเดินทางเข้ามาเอง ไม่ต้องขออนุญาตใครจะได้เลี้ยงหลานก็ได้เลี้ยงแน่นอน แต่ต้องเข้าเรือนจำติดคุกก่อน อีกทั้งการใช้คำขออนุญาตถึง 2 ครั้งจึงเป็นความละเอียดอ่อนและเป็นเส้นแบ่งบาง ๆ มากซึ่งประเด็นนี้จะถูกนำไปขยายความ

พร้อมทั้งระบุว่าการแสดงความยินดีที่ได้ชีวิตใหม่เกิดขึ้นมาและคู่แข่งขันทางการเมืองก็ร่วมแสดงความยินดี แต่ทักษิณคนเป็นตาใช้ถ้อยคำโพสต์นั้น จะกลายเป็นปัญหาใหม่และเริ่มเป็นปัญหาตั้งแต่วันแรงงานนี้เป็นต้นไป

"ทักษิณ คนที่เป็นนายกฯถึง 2 ครั้ง รู้ถึงสถานการณ์ของไทย รู้วัฒนธรรมจารีตทั้งทางกฎหมายและสังคมว่า ที่พูดนั้นจะทำให้คนคิดว่า กำลังพูดกับใครได้ นี่คือความละเอียดอ่อนที่ไม่รู้จักจดจำ ไม่รู้การหลาบจำ ผมว่า ไม่กี่บรรทัดนี้จะกลายเป็นปัญหาใหม่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

รวมทั้งกล่าวว่า เมื่ออุตสาห์ใช้คำว่า ขออนุญาตถึง 2 ครั้งแล้ว ตกลงใจจริง ๆ จะมีความกล้าหาญที่จะกลับมาประเทศไทยหรือไม่เพราะถ้าคิดว่า ลูกจะได้เป็นนายกฯ แล้ว การกลับในวันที่ลูกเป็นนายกฯจะสร้างปัญหาให้กับลูกและจะสร้างปัญหาให้กับหลานซึ่งต้องแบกรับปัญหามากมาย ถ้าไม่เข้าไปเรือนจำตามที่คนอื่น ๆ ที่ปฏิบัติตามกฎหมายไทยก็ย่อมเป็นภาระอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้อีก

ดังนั้น ทางที่ดีถ้าทักษิณไม่ต้องการเป็นภาระให้ลูกหลานต้องกลับมาในวันที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา รักษาการนายกฯ อีกทั้งทักษิณสามารถกลับได้ทุกวัน กลับมาวันนี้ก็ได้เพราะมีเครื่องบินอยู่แล้วจะลงสนามบินไหนก็ได้

อย่างไรก็ตาม ทักษิณ ต้องรู้อย่างหนึ่งว่า ไม่มีกฎหมายไทยให้ทักษิณลงจากเครื่องแล้วเข้าบ้านได้ ข้อกำหนดไปขังไว้ที่บ้าน อย่างไรก็ต้องเข้าเรือนจำก่อนเพราะถ้าจะมีคุณสมบัตินักโทษชั้นดีต้องเป็นไปตามคุณสมบัติเรือนจำกำหนด

ดังนั้น ทักษิณ เมื่อกลับเข้ามาแล้วจะไม่มีทางจะได้ไปอยู่ที่บ้านได้โดยทันทีหรืออย่างมากที่สุดต้องไปโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ยกเว้นมีโรคที่รักษาในโรงพยาบาลราชทัณฑ์ไม่ได้ก็ต้องไปโรงพยาบาลตำรวจแล้วจึงไปโรงพยาบาลเอกชนอื่น ๆ ได้

อีกทั้งกล่าวว่า ทักษิณต้องรู้ว่า สังคมเฝ้าจับตามองโดยไม่ได้เป็นไปตามลายลักษณ์อักษรที่ อดีต รมว.ยุติธรรม ไปแก้ไขให้ขังที่บ้านได้แต่ทักษิณเป็นเป้าหมายของคนไทยทั่วไป ดังนั้น การส่งตัวไปขังที่บ้านจึงไม่ได้ทำกันง่ายๆ เพราะมีระเบียบของราชทัณฑ์กำหนดไว้

"หากไปขังไว้ที่บ้านแล้ว ก็จะมีการเรียกร้องว่า แล้วคนอื่นละ ทำไมบุญทรง เตริยาภิรมย์, ภูมิ สาระผล และวัฒนา เมืองสุข ไม่มีโอกาสไปขังไว้ที่บ้านบ้าง รวมทั้งคนอื่นอีกมากมาย

ดังนั้น ถ้าคิดว่าระเบียบเดียวของกรมราชทัณฑ์สามารถสร้างอภิสิทธิชนได้ ผมว่า ระเบียบนี้จะกลายเป็นปัญหาใหญ่ของสังคมเพราะจะเกิดแรงต่อต้านขึ้นมา โดยไม่ใช่การต่อต้านทักษิณ กลับไทยแล้วเข้าเรือนจำ แต่ถ้าลงจากสนามบินเดินเข้าบ้านเลย ตรงนี้แผ่นดินลุกเป็นไฟทันที" 

นายจุพร ย้ำว่า ไม่มีใครห้ามทักษิณเข้ามาในราชอาณาจักร และทักษิณก็ไม่ต้องขออนญาตใครที่ต้องเขียนถึงสองครั้งในข้อความโพสต์ไม่กี่บรรทัดนั้นจนทำให้ประชาชนเข้าใจผิด วันนี้ทักษิณเดินทางเข้าไทยได้ตลอดเวลา และเมื่อตำรวจตรวจคนเข้าเมืองรับตัวแล้วก็นำไปเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ

ดังนั้น คำพูดดูเสมือนว่า การกลับมาจะช่วยให้กระแสการเลือกตั้งดีขึ้นแต่ร้อยคำพูดไม่เท่าหนึ่งการกระทำเพราะทักษิณพูดกลับบ้านอย่างเป็นทางการถึง 18 ครั้ง และไม่เป็นทางการนับร้อยครั้งแต่ก็ไม่ได้กลับมา อีกทั้งคำพูดนี้แม้ไม่ได้กลับจริงก็เป็นปัญหาแล้วเนื่องจากจะเป็นหัวคะแนนหาเสียงให้ พล.อ.ประยุทธ์ และเป็นคำพูดที่จะกระชากให้อีกฝ่ายตัดสินใจไม่ยากเลย

รวมทั้งต้องเจอกับฝ่ายเดียวกัน คือ พรรคก้าวไกลและไทยสร้างไทย ดังนั้น คำพูดนี้คงเป็นความกดดันที่ทักษิณไม่ได้พูดหลายวันในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ทักษิณต้องทบทวนมากที่สุดว่า ทั้งคนรักและคนชังต้องมาตายกับทักษิณจำนวนเท่าไรแล้ว ดังนั้น การพูดอะไรควรต้องมีความรับผิดชอบ

"ถ้าเชื่อว่าการกลับบ้านจะทำให้เกิดกระแสแลนด์สไลด์ได้จริงก็ควรจะต้องกลับ ถ้ากลับมาแล้วไม่เป็นภาระให้ลูก หลาน ก็ต้องกลับนับจากวันนี้ไปจนถึงวันเลือกตั้ง ถ้ากลับหลังเลือกตั้งเมื่อคิดว่า ลูกจะได้เป็นนายกฯ ก็เป็นภาระ"

นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้เหลือเวลาอีกไม่ถึง 13 วันจะเลือกตั้งแล้วแต่ทักษิณกลับมาพูดแบบนี้อีกเพราะแรงเหวี่ยงทั้งสองฝ่ายทั้งเป็นคู่แข่งขันฝ่ายเดียวกันต้องนำประเด็นนี้มาวิพากษ์วิจารณ์ และยังจะไปปลุกมวลชนอีกฝ่ายที่หลับอยู่ให้ลุกตื่นขึ้น ทักษิณจึงเป็นคนมีอิทธิพลที่สามารถปลุกทั้งสองฝ่ายขึ้นมาได้

อีกทั้งความร้อนแรงของพรรคก้าวไกลยิ่งจะทำให้พรรคเพื่อไทยอ่อนด้อยเสียงลงแม้เพื่อไทยจะได้เสียงมาอันดับหนึ่งก็ตามแต่ก้าวไกลจะตีคู่ตามมาด้วยเมื่อทักษิณโพสต์เช่นนี้แล้ว ย่อมทำให้ทุกพรรคราวกับเป็นปลากระดี่ได้น้ำ

"การหายไปหลายวัน ไม่ได้ทำให้คนเรามีความคิด ถ้าไปปฏิบัติธรรมนั่งสมาธิ ปิดวาจา ดังนั้น วาจาแรกต้องเป็นวาจาที่ดีมาก ความจริงแล้ว เรื่องนี้ถ้าแสดงความยินดีที่มีหลานเพิ่มมาใหม่เป็นคนที่ 7 ผู้คนก็สรรเสริญแล้วจะไม่มีใครไปต่อว่าแต่พอพ่วงเรื่องขออนุญาตกลับบ้านถึงสองครั้ง มันหมายถึงอะไร เมื่อเคยพูดเรื่องกระซิบข้างหูซึ่งทุกคนคิดอยู่แล้วว่า กำลังพูดนั้นหมายถึงใคร ปัญหา คือ ควรจะพูดหรือไม่ และรู้หรือไม่ว่า ที่พูดนั้นเป็นปัญหา แล้วนำพาไปสู่ความขัดแย้งใหม่

นายจตุพร เชื่อว่า คำพูดขออนุญาตกลับบ้านของทักษิณจะลุกลามไปเร็วอย่างไฟลามทุ่งและคนปากเร็วอย่างทักษิณที่เก็บวาจาได้นานก็ถือว่า เป็นความยากลำบากแล้ว เมื่อพูดออกมาในวันที่น่ายินดีก็กลายเป็นเรื่องที่เป็นปัญหาไป ดังนั้น สิ่งนี้คือความกดดันใหม่ในสถานการณ์การเลือกตั้งครั้งนี้