วันนี้ (3 พ.ค.66) นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายไพฑูรย์ แก้วทอง ราษฎรอาวุโสของชาวจังหวัดพิจิตร อดีต ส.ส. และรัฐมนตรีหลายกระทรวง นายนราพัฒน์ แก้วทอง รองหัวหน้าพรรค ภาคเหนือ พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ (เสธ.อ้าย)
นอกจากนี้ยังมีผู้สมัคร ส.ส. ภาคเหนือตอนล่าง มาร่วมกันขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่ ที่บริเวณโรงเรียนตะพานหิน อ.ตะพานหิน จ.พิจิตร พร้อมกับผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขตเลือกตั้ง ประกอบด้วย เขต 1 พล.ท. ฉลวย แย้มโพธิ์ใช้ เบอร์ 3 เขต 2 พ.ต.ท.สามารถ แก้วทอง เบอร์ 6 เขต 3 นายวรวุธ แก้วทอง เบอร์ 1
โดยบรรยากาศในวันนี้ นอกจากมีพี่น้องประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยจำนวนมากจนล้นสนามกีฬาโรงเรียนแล้ว ชาวพิจิตรยังเข้ามาขอถ่ายรูป มอบพวงมาลัย ดอกกุหลาบ เพื่อเป็นกำลังใจให้นายจุรินทร์อย่างคับคั่ง
นายจุรินทร์ ได้กล่าวปราศรัยว่า มาถึงวันนี้เหลือเวลาเพียง 10 วันจะถึงวันเลือกตั้ง ดังนั้นจึงถึงเวลาที่พี่น้องต้องตัดสินใจ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้จะมีบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ขอให้เลือกประชาธิปัตย์ทั้ง 2 ใบ เพื่อให้ประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.มากที่สุดสำหรับเข้าไปทำงานรับใช้พี่น้องได้มากขึ้นเท่านั้น
นอกจากนี้ การเลือกตั้งครั้งนี้มีโอกาสแลนด์สไลด์ยาก ตามที่มีนักวิเคราะห์ รวมทั้งผลสำรวจโพลบอกตรงกันว่า เที่ยวหน้าจะไม่มีพรรคการเมืองไหน แลนด์สไลด์เลยแม้แต่พรรคเดียว ดังนั้น เมื่อไม่มีพรรคไหนแลนด์สไลด์ก็แปลว่าไม่มีพรรคไหนจะสามารถรวมเสียงข้างมากเพื่อตั้งรัฐบาลได้อย่างแน่นอน ซึ่งเท่ากับว่าทุกพรรคจะมีโอกาสตั้งรัฐบาลได้พอ ๆ กัน ดังนั้นทุกเสียงจึงมีความหมายสำหรับประชาธิปัตย์
นายจุรินทร์ ยังแนะวิธีเลือกพรรคการเมืองเพื่อเข้าไปบริหารประเทศว่า ให้ดู 2 ข้อ 1. ดูว่าพรรคการเมืองไหนเลือกไปแล้วจะพาประเทศชาติรอด 2. เลือกแล้ว ตัวเราและประเทศจะได้อะไร เพราะหลังเลือกตั้งประเทศไทยจะมีปัญหา 2 เรื่อง
ทั้งปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง และปัญหาประชาธิปไตย พร้อมกับยืนยันว่าประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่พี่น้องประชาชนมั่นใจได้ว่าในยามประเทศวิกฤต ประชาธิปัตย์สามารถพาประเทศรอดได้ เพราะเราเคยทำมาแล้ว ถึง 2 ครั้ง ทั้งสมัยรัฐบาลชวน 2 และสมัยรัฐบาลอภิสิทธิ์
ดังนั้น ถ้าพี่น้องประชาชนช่วยกันสนับสนุนประชาธิปัตย์ ให้สามารถเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้ประชาธิปัตย์ ก็พร้อมฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจโลกได้ รวมทั้งสามารถนำพาประเทศฝ่าวิกฤตประชาธิปไตย โดยเราจะไม่เป็นรัฐบาลที่พาประเทศไปสุ่มเสี่ยงต่อการถูกยึดอำนาจปฏิวัติรัฐประหารอีก เพราะประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่ยึดมั่นในความซื่อสัตย์สุจริต และประชาธิปัตย์ไม่โกง เพราะถ้าโกงเมื่อไหร่ ก็ยึดอำนาจเมื่อนั้น
โดยได้ยกตัวอย่างการยึดอำนาจใน 2 ครั้งที่ผ่านมา ผู้ยึดอำนาจให้เหตุผลว่ามีการทุจริตคอรัปชั่น และมีทุจริตเชิงนโยบาย ส่วนปี 2557 มีการยึดอำนาจเพราะทุจริตจำนำข้าวและออกกฎหมายล้างผิด
ดังนั้น ถ้าประชาธิปัตย์ตั้งรัฐบาล เราจะไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการยึดอำนาจอีก และรักษาประชาธิปไตยไว้ได้ด้วยการไม่โกง และบริหารประเทศด้วยความซื่อสัตย์สุจริตเหมือนที่ได้พิสูจน์ให้เห็นมาแล้ว
นายจุรินทร์ ยังได้ให้สัมภาษณ์ ว่า บรรยากาศการปราศรัยในวันนี้เป็นไปตามคาด เพราะเชื่ออยู่แล้วว่า ที่จังหวัดพิจิตรมีเสียงตอบรับยังดีอยู่มาก และดีขึ้นเรื่อยๆ เพราะในอดีตเราเคยมีผู้แทนราษฎรมาแล้วหลายคน
“คนพิจิตร เป็นผู้ก่อตั้งพรรคประชาธิปัตย์คนหนึ่งในปี 2489 ด้วย ดังนั้นพิจิตรกับประชาธิปัตย์มีความผูกพันกันมาต่อเนื่อง โดยมีผู้แทนราษฎรมาหลายคน และที่ยืนหยัดอยู่กับพรรคอย่างมั่นคง คือท่านไพฑูรย์ แก้วทอง แล้วยังมีนายนราพัฒน์ แก้วทอง ที่เป็นรองหัวหน้าพรรค แล้วยังมีคนรุ่นใหม่อีกหลายคน ผมเชื่อว่าเที่ยวนี้เรามีโอกาสมาก พี่น้องที่นี่ก็พร้อมให้การต้อนรับประชาธิปัตย์” นายจุรินทร์ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถปักธงได้ทั้ง 3 เขตหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า เราสู้ทั้ง 3 เขต และหวังคะแนนจากบัตรทั้ง 2 ใบ ทั้งบัตรสีม่วงผู้แทนเขต และบัตรสีเขียว เบอร์ 26 พรรคประชาธิปัตย์ สำหรับในภาคเหนือ ก็เชื่อว่าการเลือกตั้งเที่ยวนี้ เราจะได้หลายที่นั่ง
“คำว่าหลาย ก็คงไม่อยากจะพูดว่าเท่าไหร่ แต่ผมคิดว่าเราจะได้จำนวนไม่น้อย สำหรับที่นั่ง ส.ส. เขตในภาคเหนือ คราวที่แล้วได้คนเดียว แต่เที่ยวนี้ไม่อย่างนั้นแล้ว ผมเชื่อว่าดีขึ้นเยอะ และผมไปมาหลายจังหวัด เสียงตอบรับต่อคะแนนพรรคก็ดี มีหลายคนที่เป็นแฟนคลับประชาธิปัตย์ก็บอกว่า จะกลับมาช่วยเลือกแล้วเอาคนใหม่ๆ เข้ามาด้วย เพราะเรามีคนรุ่นใหม่เข้าพรรคเยอะเลย ประชาธิปัตย์จึงเป็นพรรคการเมืองของคนทุกรุ่น ทำให้กลายเป็นจุดแข็งสำคัญของพรรค” นายจุรินทร์กล่าว
พร้อมกับเพิ่มเติมว่า จากที่เราได้ทำการสำรวจก็พบว่ามีเสียงคนรุ่นใหม่ที่ต้องการเลือกประชาธิปัตย์ มีจำนวนไม่น้อย ซึ่งไม่ได้แปลว่าเป็นคนรุ่นใหม่แล้วต้องเลือกพรรคหนึ่ง พรรคสองแค่นั้น แต่ก็มีที่เลือกประชาธิปัตย์ก็เยอะ
ผู้สื่อข่าวถามถึงในช่วง 10 วันสุดท้าย มีความหนักใจอะไรหรือไม่ นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรหนักใจ นอกเสียจากเรื่องการหาเสียงนอกกติกา และเป็นสิ่งที่เราไม่อยากให้เกิดขึ้น เพราะเราไม่ต้องการเห็นธุรกิจการเมืองเกิดขึ้น ซึ่งสิ่งนี้จะเป็นภัยร้ายสำหรับประเทศ และประชาธิปไตยด้วย
ตนจึงได้ปราศรัยว่า เวลาที่พี่น้องจะพิจารณาเลือกพรรคการเมือง อย่างน้อยขอให้ดู 2 ข้อ ข้อ 1 พรรคไหนเลือกไปแล้วพาประเทศรอด ทั้งทางเศรษฐกิจ และระบอบประชาธิปไตย ซึ่งประชาธิปไตยจะรอดได้ พรรคการเมืองนั้นต้องไม่โกง นอกจากนั้นต้องดูว่าพรรคนั้นให้อะไรกับเราในทางที่ถูกต้อง ให้เบ็ดหรือเปล่า หรือแจกเงินครั้งเดียวเพื่อแลกกับคะแนนเสียง
“ผมมั่นใจว่า ประชาธิปัตย์ตอบโจทย์ในทิศทางที่ดี และพร้อมตั้งรัฐบาลถ้าประชาชนให้โอกาส และได้เสียงมากพอ เราพาประเทศรอด รอดทั้งเศรษฐกิจ รอดทั้งการเมือง รอดทั้งระบอบประชาธิปไตย เพราะประชาธิปัตย์ไม่สร้างเงื่อนไขให้เกิดการปฏิวัติยึดอำนาจอีก” นายจุรินทร์ กล่าว