เลือกตั้ง 66 "เพื่อไทย" ทิ้งทวนปราศรัยใหญ่หาเสียง

13 พ.ค. 2566 | 01:45 น.
อัปเดตล่าสุด :13 พ.ค. 2566 | 01:45 น.

"เพื่อไทย" ทิ้งทวนปราศรัยใหญ่เลือกตั้ง 66 "จาตุรนต์" ซัดพรรคใหม่ อวดสู้จริงกว่าใครทั้งที่เพิ่งเกิด "ณัฐวุฒิ" เสริมทัพอัดต่อ อย่าอวดดี ย้ำคนเสื้อแดงกรุยทางมายอมไม่ได้ "จิราพร-ดนุพร-อนุสรณ์" ประสานพลังปลุกกองเชียร์แลนด์สไลด์จัดตั้งรัฐบาล

ที่ศูนย์การประชุมอิมแพค อารีนา เมืองทองธานี พรรคเพื่อไทย ใช้เป็นเวทีปราศรัยใหญ่โค้งสุดท้าย มีแกนนำของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มผู้สนับสนุนในเขตเลือกตั้งจาก กทม.และปริมณฑล สวมเสื้อสีแดงมารอฟังการปราศรัยโดยในช่วงที่ 2 เป็นการปราศรัยของนายจาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย นายดนุพร ปุณณกันต์ ประธานคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง กรุงเทพมหานคร

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้ช่วยหาเสียงพรรคเพื่อไทย นางสาวจิราพร สินธุไพร ผู้สมัคร ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทยและนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด รองเลขานุการคณะกรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมืองพรรคเพื่อไทย 

นายจาตุรนต์ ฉายแสง กล่าวว่า ที่ผ่านมาคนไทยได้รู้ว่าพรรคไทยรักไทยเป็นพรรคเดียวที่ประกาศนโยบายแล้วทำให้เกิดผลใน 1 ปี ทำสำเร็จใน 4 ปี ทำให้เศรษฐกิจไทยผงาดขึ้น สามารถใช้หนี้ไอเอ็มเอฟได้ก่อนกำหนด ใช้นโยบายการคลังแบบสมดุล ไม่มีการผลาญเงินภาษีมีแต่การใช้เงินภาษีของประชาชนอย่างเป็นประโยชน์ที่สุด ทำให้ความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น แก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ

นี่คือประชาธิปไตยกินได้ เกิดขึ้นจากไทยรักไทยเท่านั้น พรรคไทยรักไทยเป็นพรรคการเมืองที่ยืนต่อสู้กับอำนาจเผด็จการ และไม่ยอมให้เผด็จการกำหนดอนาคตของประเทศ เมื่อไทยรักไทย รวมตัวใหม่เป็นพลังประชาชน และสู้ต่อเป็นพรรคเพื่อไทย เกิดการต่อสู้ของประชาชนคนเสื้อแดงที่ต่อสู้ให้ยุบสภา ให้ประชาชนพิสูจน์ว่า ใครจะเป็นรัฐบาล จะมีพรรคการเมืองไหนที่สู้มากที่สุด ถ้าไม่ใช่พรรคเพื่อไทย

 

บางคนบอกว่าเกิดรัฐประหารซ้ำซากเพราะพรรคการเมืองในอดีตไม่ต้านรัฐประหาร ไม่สู้จริง ถ้าเป็นพวกเรา เกิดรัฐประหารจะไปยืนหน้าสภา ลงถนน พูดถึงเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น เป็นดราม่าโรแมนติกเท่านั้น ไม่มีหลักฐานอะไรเลย แต่ถ้านำประชาชนมาสู้จริงๆ เป็นเรื่องถูกต้องหรือไม่ที่พาประชาชนไปต่อสู้กับทหารที่มีกำลังอาวุธ ผมผ่านการรัฐประหารมาไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง เห็นนักการเมืองต่อต้านด้วยวิธีการต่าง ๆ ไม่ได้คัดค้านในวันยึดอำนาจแต่ขัดขวางการสืบทอดอำนาจ นายจาตุรนต์ กล่าว

นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ บอกว่า นับจากนาทีนี้ชัยชนะรออยู่ไม่ไกล เหมือนผลไม้บนต้นที่สุกงอมเต็มที่ รอแค่เอื้อมสอย เราต้องสอยและไปให้ถึง แล้วดึงลงมาด้วยการแลนด์สไลด์และพรรคการเมืองที่จะทำได้ คือ พรรคเพื่อไทยเพราะเราเข้าถึงใกล้ที่สุดแต่ถ้าเราไม่ดึงลงมา ผลไม้จะสุกงอมคาต้นกลายเป็นผลไม้เน่าลงบนหัวประชาชน

ถ้าเราต้องการเปลี่ยนแปลง เราจะทำไม่ได้ถ้าไม่เริ่มต้นนับ 1 ด้วยการเปลี่ยนรัฐบาลและจะเปลี่ยนรัฐบาลได้ พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยต้องได้รับชัยชนะให้เด็ดขาด ถามใจคนทั้งประเทศเห็นตรงกันว่าพรรคเพื่อไทย คือพรรคที่เราใกล้เป้าหมายมากที่สุด

ไม่ว่าจะคิดเรื่องประชาธิปไตยอย่างไร ไม่ว่าจะใจผูกสมัครพรรคไหนแต่ขอให้มองเป้าหมายเป็นตัวตั้ง ถ้าเป้าหมาย คือ ล้มเผด็จการ ปักธงประชาธิปไตย เราต้องมารบด้วยกันในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ ไม่เช่นนั้น พล.อ.ประยุทธ์ไม่ต้องรอลุ้นอะไรนอกจากรอแทรกขึ้นมาตรงกลางในระหว่างพรรคประชาธิปไตย

วันนี้ไม่ใช่เรื่องโง่ ฉลาด กล้าไม่กล้า แต่อยู่ที่ว่ามองปัญหาอย่างไร จัดการปัญหาอย่างไร พรรคเพื่อไทย เจ็บมามาก บอบช้ำมามาก จึงมองว่า การจัดการปัญหาเผด็จการแบบนี้ต้องเดินทีละก้าว กินข้าวทีละคำ และคำแรกที่จะอิ่มด้วยกัน คือ คำว่าแลนด์สไลด์ และขอให้เลือกให้เด็ดขาด ไม่ใช่เลือกด้วยความกลัว แต่เลือกด้วยความชัวร์ เช็คบิลเผด็จการ เพื่อไทย 2 ใบ แลนด์สไลด์ไปพร้อมกัน

ในวันใดก็ตามที่มองไปข้างหน้าถ้ามีเวลาหันมามองข้างหลังบ้าง เส้นทางข้างหน้าที่วาดไว้ มันท้าทายมันยิ่งใหญ่ มันงดงาม แต่มันก็มีความจริงที่บอกว่า กว่าจะเดินไปข้างหน้า ท่านก็เดินผ่านเส้นทางข้างหลังมา และเส้นทางข้างหลังนั้น มันปูลาดด้วยชะตากรรมความบอบช้ำและคราบน้ำตาของพรรคเพื่อไทยและประชาชน 

ถ้าการต่อสู้ในอดีตของพรรคเพื่อไทย มันจะเป็นเสมือนแปลงดิน ที่ถูกขุดพรวนไว้พร้อมสำหรับเกิดเมล็ดพันธุ์ใหม่ ๆ พวกเรายินดี ขออย่างเดียวเท่านั้น อย่าให้แปลงดิน ที่ขุดพรวนด้วยชะตากรรมมากมาย กลายเป็นที่รองรับความเหย่อหยิ่ง ทนง กลายเป็นที่รองรับการค่อนแคะใด ๆ ผมยังคงปรารถนาดี ต่อทุกคนทุกฝ่าย 

นายดนุพร ปุณณกันต์ กล่าวว่า การเดินทางของพรรคเพื่อไทยที่เริ่มต้นจากพรรคไทยรักไทยต่อเนื่องมากว่า 20 ปี เป็นพรรคที่เอานโยบายนำการเมือง ทำความเชื่อของประชาชนเกิดขึ้นว่า เราสามารถนำนโยบายที่หาเสียงมาปฏิบัติได้จริง สามารถทำให้เชื่อได้ว่า ประชาธิปไตยของประเทศนี้ เป็นประชาธิปไตยที่กินได้ แม้หนทาง 20 กว่าปีจะเจอทั้งรัฐประหารในปี 2549, 2557 และผ่านการถูกยุบพรรคอีก 2 ครั้ง ยังลุกมาและยืนยันสิทธิในคูหาเลือกตั้ง

ทำให้คนปฏิวัติรู้ว่า พวกเขาเสียของเพราะเพื่อไทยกลับมาได้ด้วยความไว้วางใจของประชาชน พวกเราคิดใหญ่และทำเป็น พร้อมจับมือพี่น้องที่อยู่ในอุโมงค์อันมืดมิด จับมือกันเพื่อพาไปสู่แสงสว่างอันสดใส แสงสว่างแห่งประชาธิปไตย ที่ใฝ่ฝันกันมาตลอด 9 ปี 

นางสาวจิราพร สินธุไพร บอกว่า ความสำคัญของการเลือกตั้งแบบมียุทธศาสตร์ให้พรรคเพื่อไทยแลนด์สไลด์จากการเลือกตั้งปี 2562 ที่แม้พรรคเพื่อไทยจะมี ส.ส. มากที่สุด แต่ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้เพราะอำนาจ ส.ว. การเลือกตั้งในวันอาทิตย์นี้จึงต้องเลือกให้พรรคเพื่อไทยชนะขาดแบบแลนด์สไลด์เท่านั้น พรรคเพื่อไทยสู้กับระบอบเผด็จการจนยุบพรรคถึง 2 ครั้ง ถ้าสู้ไม่จริงคงไม่มีพรรคเพื่อไทยในปัจจุบัน  คงไม่สู้เคียงข้างประชาชนมาเป็นระยะเวลาเกือบ 20 ปี

เราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เราเลือกตั้งได้ เลือกรัฐบาลที่จะมากำหนดทิศทางชีวิตของเราได้ เปลี่ยนชีวิตให้ดีขึ้นได้เราต้องเปลี่ยนรัฐบาล ผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้เท่านั้น 

นายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด บอกว่าสถานการณ์ประเทศไทยวันนี้เหมือนคนป่วย เราอยู่บนทางแยกที่รัฐบาลปล่อยให้คนไทยโง่ จน และเจ็บมาตลอด 8 ปีที่ผ่านมา และเวลานี้มีหมอรักษาประเทศไทยอยู่ 4 แบบ คือ หมอคน 1  เป็นหมอที่รักษาเรามา 8-9 ปี ให้แต่ยาพารากับยาเขียว รักษาแล้ว รักษาอยู่และรักษาต่อ หมอคน 2  เป็นหมอก้าวข้ามความขัดแย้งแต่เราอยากบอกว่า หมอควรไปก้าวข้ามบันไดให้ได้ก่อน  หมอคน 3  เป็นหมอหนุ่มใหม่ไฟแรงโอปป้า คนไข้คนป่วยกำลังจะตายแทนที่จะรักษาอาการ กลับเสนอปรับโครงสร้างด้วยการรื้อโรงพยาบาล  รักษาเอาไว้แต่ต้องรื้อโครงสร้างก่อน หมอคน 4  เป็นหมอมากฝีมือ รักษาฉกาจรักษาอาการหนักเป็นเบา ทุเลาเป็นหาย เราเห็นฝีมือมา 20 ปี ดีตลอด หมอคนนั้น คือหมอเพื่อไทย

สถานการณ์นาทีนี้เหมือนเรารบอยู่หน้าค่ายหมายตีเมือง ทุบหม้อข้าวเข้าไปตีเมืองด้วยกันในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้  อยากได้เพื่อไทยเป็นรัฐบาล เลือก เพื่อไทย ทั้ง 2 ใบไม่ลังเล ให้เพื่อไทยไปเป็นรัฐบาล