"วิษณุ"ร่ายกลอนสอน"พิธา" ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง

18 พ.ค. 2566 | 08:01 น.
อัปเดตล่าสุด :18 พ.ค. 2566 | 09:35 น.

“วิษณุ เครืองาม” ร่ายกลอนสอน"พิธา"...ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง...ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันไป ตอนนี้ได้เสียงทะลุ 300 ถือว่ามั่นคงแล้ว

นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าววันนี้ (18 พ.ค.) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กทม.ว่า การเจรจาจัดตั้งรัฐบาล ของ พรรคก้าวไกล วันนี้ ได้เสียงทะลุ 300 ถือว่ามั่นคงแล้ว เปรียบความมั่นคงยิ่งกว่าเรือเหล็ก แนะการหาเสียงสนับสนุนไม่ว่าจะจากฝั่งส.ส.หรือส.ว. ให้เอาไมตรีไปแลกเสียงโหวต อย่าด่าทอกัน ชี้แคนดิเดตนายกฯ ชื่อซ้ำได้ หากรอบแรกไม่ผ่าน

รองนายกฯวิษณุให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งมีผู้สื่อข่าวถามว่าห่วงจะมีปัญหาอะไรหรือไม่ รองนายกฯตอบว่า ตนติดตามเรื่องเท่าที่สื่อมวลชนเสนอ ไม่รู้อะไรมากกว่านั้น ตอนนี้รอดูว่าพรรคก้าวไกลจะรวบรวมเสียงเป็นปึกเป็นแผ่นได้หรือไม่ เท่าที่ทราบปัจจุบันรวบรวมได้ 313 เสียง ซึ่งก็ถือว่ามั่นคงถาวรแล้ว คือถ้าเสียงเกิน 250 ถือว่ามั่นคงแล้ว รัฐบาลที่แล้วตนยังบอกว่าเป็นเรือเหล็กเลย แต่ครั้งนี้ถือว่ามั่นคงยิ่งกว่าเหล็กเสียอีก 

"ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง"

ผู้สื่อข่าวถามว่า ถึงอย่างไรต้องอาศัยเสียงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.)อีก 60 กว่าเสียง นายวิษณุกล่าวว่า อาศัยในช่วงของการโหวตนายกฯ และอาจจะต้องอาศัยอีกในตอนแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพราะฉะนั้น ตนถึงได้พูดไปก่อนหน้านี้ว่า เชื่อเถอะว่า "ปรารถนาสารพัดในปฐพี เอาไมตรีแลกได้ดังใจจง" (จาก“เพลงยาวถวายโอวาท” ของสุนทรภู่ กวีเอกแห่งกรุงรัตนโกสินทร์) ซึ่งตนก็ยังยืนยันแบบนี้อยู่ คือให้ค่อยๆพูด ค่อยๆจากันไป ยังมีเวลาอีกตั้ง 60 วัน กว่าจะประกาศรายชื่อ ส.ส. และกว่าจะถึงเวลาเลือกนายกฯ บวกเข้าไปอีกร่วม 30 วัน รวมแล้ว 3 เดือน ต้องใช้เวลาเหล่านี้ให้เป็นประโยชน์ในการทำความเข้าใจ ไม่ใช่ว่าไปด่าทอกันหรือประชดประชันกัน 

"มันต้องพึ่งพาอาศัยกันอยู่ เพราะต่างก็เป็นหนึ่งในองค์ประกอบของรัฐสภา มันไม่ใช่แค่ทำงานฉาบฉวย สำหรับการเลือกนายกฯ อาจจะไม่ใช่ภารกิจยุ่งยากเท่าไหร่ แต่การผ่านกฎหมาย การอะไรต่ออะไรยังมีมากกว่านี้ และหลายคนใน 6-7 พรรคนี้ก็พยายามประสาน เพราะเขามีพรรคพวกเพื่อนฝูงอยู่ ฉะนั้น ใช้เวลาตอนนี้ให้เป็นประโยชน์ อย่าลงมือด่าทอตบตีกันตั้งแต่วันแรก" รองฯวิษณุกล่าว

และเมื่อผู้สื่อข่าวกล่าวว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลสามารถรวมกับพรรคอื่นได้ 8 พรรคแล้ว นายวิษณุกล่าวว่า กี่พรรคก็ช่าง แต่ตนเห็นว่ามันมั่นคงแล้ว เมื่อถามว่าไม่เยอะเกินไปใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า แล้วแต่แกนนำรัฐบาลจะไปคิดกัน เราจะไปวิจารณ์เขาได้อย่างไรว่าเยอะไป ถ้าเขาได้ 500 ก็ยิ่งดีใหญ่  

สำหรับกรณีที่ว่า มีคนประเมินสถานการณ์ว่า ในรัฐสภาอาจจะไม่สามารถเลือกนายกฯได้ นายวิษณุกล่าวว่า ไม่ทราบ ตนไม่ได้ประเมิน เมื่อถามว่า ในทางกฎหมาย หากโหวตชื่อแคนดิเดตนายกฯคนใดคนหนึ่งไปแล้ว แต่ไม่ผ่าน จะสามารถนำชื่อเดิมกลับมาโหวตอีกได้หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ได้ โหวตมันทุกวันน่ะแหละ ชื่อเดิมก็ได้”

เมื่อถามว่า พรรคอันดับ 2 จะสามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯขึ้นไปก็ได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ได้ทุกอย่าง มันต้องอาศัยเสียงกึ่งหนึ่งในรอบแรก เพราะว่ามาตรา 272 วรรคหนึ่ง ระบุว่า ต้องมีความเห็นชอบไม่น้อยกว่ากึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งสองสภาที่มีอยู่ ซึ่งคือ 376 เสียง แต่ถ้าไม่สำเร็จก็โหวตอีก โหวตไปโหวตมาจนกระทั่งในที่สุดจะเปลี่ยนไปใช้มาตรา 272 วรรคสองก็แล้วแต่ หรือจะโหวตซ้ำมาตรา 272 วรรคหนึ่งก็ได้ ไม่เป็นไร เพราะมันอาจจะมีเหตุผลใหม่ๆ ดีๆ และมีคนเปลี่ยนใจเพิ่มขึ้นก็ได้ สำคัญคือ วันแรก ด่านแรก ในการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎร 

ต่อข้อถามว่า มาตรา 272 วรรคสอง ที่จะใช้ได้คืออะไร นายวิษณุ กล่าวว่า แปลว่าเลิกแล้ว ไม่เอาแล้ว หาบุคคลอื่น แม้กระนั้นพอจะใช้วรรคสองที่ระบุว่า ทั้งนี้ อาจจะเสนอรายชื่อบุคคลที่อยู่ในรายชื่อนายกฯที่แต่ละพรรคเสนอได้ ซึ่งมันก็กลับมาใช้ได้อีก เห็นไหมล่ะ ขนาดใช้วรรคสองยังกลับมาใช้ชื่อเดิมได้อีก แล้วนับประสาอะไรกับแค่วรรคหนึ่ง รอบแรกไม่ผ่าน แล้ววันหลัง อาทิตย์หน้ามาใหม่ก็เสนอรายชื่อเดิมได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า แบบนี้แสดงว่ามีสิทธิที่จะใช้นายกฯนอกบัญชีได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุตอบ “ก็ได้ทั้งนั้น แต่อันนี้เป็นกรณีของวรรคสอง ซึ่งยาก เพราะกว่าจะได้วรรคสองมันต้องใช้เสียงถึง 2 ใน 3 ซึ่งมันยาก มันไม่เกิดได้ง่ายๆ หรอก แล้วเดี๋ยวพวกคุณก็ไปลงข่าวว่าผมชี้ช่องอีก เอาแค่วรรคหนึ่งให้มันจบและผมก็เชื่อว่าจบด้วย” เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่ามั่นใจว่าจะตั้งรัฐบาลได้ใช่หรือไม่ นายวิษณุกล่าวว่า “ผมไม่มั่นใจ แต่ผมเชื่อ”

สุดท้าย เมื่อถามถึงกรณีที่มีการใช้กระแสโซเชียลมีเดียมากดดันให้โหวตนายกฯ นายวิษณุกล่าวว่า ตนไม่ทราบเรื่อง ไม่ทราบเลย เมื่อถามว่า จะทำให้มีปัญหาตามมาหรือไม่ นายวิษณุกล่าวย้ำว่าไม่ทราบ และไม่ได้ให้ความเห็นใดๆอีก