“ชูวิทย์” เตือนพรรคก้าวไกลอย่าหลงการเมืองยุค 2G จัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว

21 พ.ค. 2566 | 03:38 น.
อัปเดตล่าสุด :21 พ.ค. 2566 | 03:48 น.

“ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์” เตือนพรรคก้าวไกลอย่าหลงการเมืองยุค 2G เผยจำนวนเสียงที่ร่วมกับพรรคร่วมรัฐบาลรวม 8 พรรคได้คะแนน 313 เสียงมากเพียงพอที่จะเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว

จากกรณีที่ พรรคก้าวไกล ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล รวบรวมกับพรรคการเมืองได้คะแนน 313 ที่นั่ง และ ได้เซ็นต์เอ็มโอยูกับพรรคร่วมเมื่อวันศุกร์ที่ 19 พ.ค. ที่ผ่านมานั้น

ล่าสุด นายชุวิทย์ กมลวิศิษฏ์  ได้โพสต์ข้อความว่า 2 เสียง แลก 14 ล้านเสียงพรรคก้าวไกลได้คะแนนจากประชาชนที่ความศรัทธาล้วนๆ แตกต่างจากพรรคการเมืองอื่นที่ต้องอาศัยระบบ “หัวคะแนนและกระสุน”  พรรคก้าวไกลมี “หัวคะแนนธรรมชาติ” ลูกหลานคนในบ้านบอกเล่าให้พ่อแม่เลือก การดำรงอยู่ของพรรคก้าวไกลจึงต้องรักษา “อุดมการณ์” อย่างมั่นคงแน่นแฟ้น เพราะเป็นสมบัติเดียวที่มี

 

“การนำเอาพรรคชาติพัฒนากล้าที่มี นายกรณ์ เป็นแกนนำพรรค มีเสียงอยู่ 2 เสียง มาเติมเพื่อให้นายพิธาได้เป็นนายกฯ มันได้ไม่คุ้มเสีย”

พรรคก้าวไกลตอบรับเสียงของประชาชน จนตอนดึกเมื่อคืนบอกลา 2 เสียง

บางคนบอกว่าให้มองข้าม และรวมเสียงให้ได้มากที่สุด เพื่อจะพึ่งเสียงของ ส.ว. ให้น้อยที่สุด

แต่คะแนน 14 ล้านเสียงเป็น “ยันต์” ให้ก้าวไกลมั่นใจในเกมการขู่จาก “อำนาจเก่า”

ส.ว. ต้องการโหวตอย่างไร ก็เป็นเรื่องของ ส.ว.

หากเสนอนายพิธาแล้วไม่ผ่าน ส.ว. ก็เสนอไปเรื่อยๆ จะอีกกี่ครั้งก็ได้

เพื่อทำให้เห็นว่า นายพิธาจะเป็นนายกฯ ได้ ย่อมมาจาก “บุญคุณของประชาชน” ไม่ใช่ “บุญคุณของ ส.ว.”

ยันไว้แบบนี้ อย่าหลงไปเล่นการเมืองยุค 2 G เพราะจำนวน 313 เสียงที่รวมมา เกินครึ่งไปมากแล้ว

ในขณะที่คู่แข่งยังใช้ 2 G อยู่ อำนาจของกระแส 5 G ที่พรรคก้าวไกลใช้อยู่ จะพัฒนาได้ทัน

ในอีก 4 ปีข้างหน้าพรรคก้าวไกลจะแข็งแกร่งยิ่งขึ้นเสมือน “สึนามิการเมือง”

ได้ถึง 300 เสียง จัดตั้งรัฐบาลพรรคเดียว ไม่ต้องไปยืมจมูกคนอื่นหายใจ

ที่ว่า “พรรคใหญ่กว่าคน ประชาชนใหญ่กว่าพรรค”

แต่โซเชียลจะใหญ่ที่สุด

พรรคก้าวไกลไม่จำเป็นต้องไปปวดเศียรเวียนเกล้ากับ “MOU” ที่พรรคร่วมติติงว่า เท่ากับเอานโยบายของก้าวไกลไปใส่ไว้

ก้าวไกล คือ ผู้คนและการเดินทาง

นี่แค่เริ่มต้น ผู้คนยังต้องเดินทางอีกไกล.