ในวันนี้ (6ส.ค.66) มีการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ที่โรงแรมมิราเคิลแกรนด์ หลักสี่ เพื่อเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่และเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหม่
โดยก่อนการประชุมนายชวน หลีกภัย สส.บัญชีรายชื่อและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ถึงการประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อเลือกหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์คนใหมจะราบรื่นหรือไม่ว่า ว่า ต้องถามกรรมการบริหารพรรค
เมื่อถามว่าเมื่อวานมีการออกมาเรียกร้องจุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ ในการร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ควรจะเป็นมติพรรคและได้ถามในที่ประชุมสส.แล้วหรือไม่ นายชวนกล่าวว่า หัวหน้าพรรค และโฆษพรรค ได้แถลงไปแล้ว ซึ่งกรณีนี้ข้อบังคับพรรคได้ระบุไว้ชัดเจน ว่าต้องเป็นมติพรรค เพราะฉะนั้นใครจะไปก็เป็นเรื่องส่วนตัวของผู้นั้น ไม่ใช่เรื่องของพรรค ซึ่งมติพรรคเป็นไปตามข้อบังคับพรรค
เมื่อถามว่ามีกระแสข่าวว่าจะมีสส.จำนวนเท่านั้นเท่านี้จะไปร่วมรัฐบาลนั้น นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องส่วนตัวของเขา แล้วแต่ใครจะมองว่าอย่างไร
นายบัญญัติ บรรทัดฐาน ส.สบัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การประชุมวันนี้สมาชิกหลายคน เบื่อๆ และมีภารกิจแต่เชื่อว่าองค์ประชุมวันนี้ครบ
เมื่อถามถึงกระแสข่าว ว่าพรรคประชาธิปัตย์จะไปร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย นายบัญญัติ กล่าวว่า ตนเข้าใจว่าคงเกี่ยวกับแถลงการณ์ ของสาขาภาคอีสานที่ออกมา ซึ่งความคิดนี้เคยได้ยินหลังจากการเลือกตั้งผ่านพ้นไปแล้ว และพรรคได้รับการเลือกตั้งมาน้อย เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งครั้งก่อน ซึ่งสมาชิกเข้าใจว่าไม่มีเฉพาะภาคอีสานเท่านั้น ซึ่งมีหลายภาคที่พูดว่า เที่ยวหน้าเราไม่น่าจะไปร่วมรัฐบาลกับเขาแล้ว
"การร่วมรัฐบาลที่ผ่านมาพรรคประชาธิปัตย์มีผลงานที่โดดเด่น ในหลายเรื่อง ซึ่งตนได้ฟังความคิดจากสมาชิก แล้วนำมาวิเคราะห์กัน ซึ่งไม่ใช่ความคิดของ 4 อดีตหัวหน้าพรรคแต่ เป็นความคิดของสมาชิกพรรค เท่านั้น ไม่ควรไปร่วมรัฐบาล แต่ควรใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการฟื้นฟู และกอบกู้พรรคอย่างจริงจัง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าพิจารณา ดังนั้นตนคิดว่าเมื่อได้หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ก็คงจะนำความคิดนี้ไปเสนอให้พิจารณา"
เมื่อถามว่าหากได้หัวหน้าพรรคแล้วและนำความเห็นนี้ไปบอกกรรมการบริหารพรรค แต่มติพรรคให้ร่วมรัฐบาลจะทำอย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า คงเป็นเรื่องของมติพรรค และในอดีตที่ผ่านมาก็ต้องยอมรับความจริงว่า กรรมการบริหารพรรครับฟังเสียงจากสมาชิกเป็นสำคัญ
ส่วนคำถามว่ามีคนถามเรื่องอุดมการณ์พรรค หากไปร่วมมือกับพรรคเพื่อไทย จะทำอย่างไร นายบัญญัติ กล่าวว่า ประเด็นนี้เป็นประเด็นสำคัญ หากมีการพูดถึง เพราะพรรคประชาธิปัตย์ เป็นพรรคที่ต่อต้านระบอบทักษิณ ก็มีการพูดคุยกันว่าแนวคิดนี้ยังคงมีอยู่ในตอนนี้หรือไม่
นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ มองว่าการประชุมใหญ่วิสามัญพรรคประชาธิปัตย์ ครั้งที่ 2 ประจำปี 2566 จะเรียบร้อย และผ่านไปได้ด้วยดี ส่วนผลจะเป็นอย่างไร ขึ้นอยู่กับมติที่ประชุมของพรรค
สำหรับการพิจารณาร่วมหรือไม่ร่วมรัฐบาลนั้น เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารชุดใหม่ และที่ประชุม สส. ของพรรค แต่หากยังไม่มีกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ชุดรักษาการ และ สส. จะทำหน้าที่ไปพรางก่อน ซึ่งเท่าที่ติดตามสถานการณ์คิดว่า สถานการณ์การเมืองขณะนี้ยังไม่นิ่ง และยังไม่มีอะไรชัดเจน ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ก็ต้องนิ่งเป็นเหมือนกัน และต้องไม่ผลีผลามในการพิจารณาตัดสินใจอะไร ทั้งหมดจะต้องยึดอุดมการณ์ของพรรค และประโยชน์สูงสุดของบ้านเมืองเป็นหลัก
ด้านการจะร่วมรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ เนื่องจากที่ผ่านมา จุดยืนของพรรคประชาธิปัตย์ต่อต้านระบอบของนายทักษิณมาโดยตลอด นายจุรินทร์ กล่าวว่า ไม่ขอตอบในรายละเอียด แต่ยึดในอุดมการณ์ของพรรค ซึ่งการจะตัดสินใจว่าจะเป็นรัฐบาล หรือเป็นฝ่ายค้านนั้น เป็นอำนาจของกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. ซึ่งทุกครั้งได้ทำเช่นนี้มาโดยตลอด
นายจุรินทร์ ยังกล่าวถึงกระแสข่าวที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รักษาการเลขาธิการพรรค จะยกมือโหวตนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทย ว่า ขออย่าพึ่งไปคาดการณ์ ทุกอย่างจะยุติในที่ประชุมร่วมของพรรค และเชื่อว่าจะไม่มีความขัดแย้งในพรรคเกิดขึ้น เมื่อถึงเวลาก็จะเป็นที่ยุติ
"การบริหารงานในพรรคเป็นไปตามวิถีประชาธิปไตย เพราะพรรคไม่มีเจ้าของ ไม่มีใครมาสั่งได้ ซึ่งไม่ง่ายเหมือนบางพรรคที่มีคนใดคนหนึ่งมาสั่งแล้วทุกอย่างจบ ดังนั้น พรรคประชาธิปัตย์ต้องอาศัยมติพรรค ขออย่ามองว่าเป็นข้อด้อย เพราะถือเป็นจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ ไม่เช่นนั้นพรรคอยู่มาไม่ได้จนถึงทุกวันนี้"