อัปเดตจัดตั้งรัฐบาล "เพื่อไทย" ล่าสุดรวมได้ 278 เสียง

การจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ ภายใต้การนำของ พรรคเพื่อไทย (พท.) ที่เรียกการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ว่า เป็น "รัฐบาลพิเศษ" ประกาศเดินหน้ารวบรวมเสียงสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่าง ๆ เน้นย้ำว่า ไม่ใช่การสลับขั้วทางการเมืองแต่เป็นการสลายขั้วพรรคการเมือง 

นับตั้งแต่ประกาศจับมือกับพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคแรกเมื่อวันที่ 7 สิงหาคมที่ผ่านมา สามารถรวมเสียงได้ 212 เสียง ในวันถัดมาก็ประกาศจับมือกับ 6 พรรคขนาดจิ๋ว ซึ่งประกอบด้วย

พรรคประชาชาติ 9 เสียง, พรรคชาติพัฒนากล้า 2 เสียง, พรรคเพื่อไทรวมพลัง 2 เสียง, พรรคเสรีรวมไทย 1 เสียง, พรรคพลังสังคมใหม่ 1 เสียง, พรรคท้องที่ไทย 1 เสียง เมื่อรวมกับของพรรค พท. 141 เสียงและอีก 71 เสียงของภูมิใจไทย (ภท.) รวมกันเป็น 228 เสียง 

ในการแถลงข่าวเมื่อวันที่ 9 สิงหาคมที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย เน้นย้ำว่า ทางพรรคสามารถรวมเสียงโหวตได้มากกว่ากึ่งหนึ่งแล้ว และคาดว่า จะสามารถคลี่คลายสถานการณ์ แก้วิกฤตชาติได้ พร้อมเรียกร้องขอความร่วมมือจาก สส. และ สว. ในการโหวตเลือกนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยที่จะเสนอต่อรัฐสภา เพื่อจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ 

ระหว่างการแถลงข่าว นพ.ชลน่าน พูดถึงตัวเลขที่ 238 เสียงซึ่งคาดว่าเป็นการนับรวม 10 เสียงของพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ของนายวราวุธ ศิลปอาชา ไว้แล้ว และในวันนี้ (10 ส.ค.) ได้ร่วมกันแถลงเป็นพันธมิตรร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลไปเป็นที่เรียบร้อย 

หากย้อนกลับไปเหล่าแกนนำพรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลประสานเสียงพูดตรงกันว่า พรรคเพื่อไทยซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 มีความชอบธรรมในการจัดตั้งรัฐบาล หลังจากที่พรรคก้าวไกลซึ่งเป็นพรรคอันดับ 1 ไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า (ชพก.) กล่าวว่า เกือบ 3 เดือนหลังวันเลือกตั้ง เรายังไม่มีรัฐบาลชุดใหม่มีแต่รัฐบาลรักษาการ ซึ่งมีขีดจำกัดในการบริหารประเทศ ขณะที่วิกฤตเศรษฐกิจรอไม่ได้ จึงมีความจำเป็นต้องมีรัฐบาล เพื่อสร้างความมั่นใจให้แก่นักลงทุนไทยและต่างประเทศ และลดความกังวลใจของประชาชนในประเทศ

ทั้งยังบอกด้วยว่าการช่วยหาเสียง สว.สนับสนุนในวุฒิสภาถือเป็นภารกิจอีกอย่างหนึ่งของพรรคเพื่อให้การจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง เลขาธิการพรรคประชาชาติ กล่าวว่า พรรคประชาชาติสนับสนุนให้พรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำในการรวบรวมให้ได้เสียง 375 ขึ้นไป เพื่อให้ได้นายกฯ ถ้าออกนอกไปจากนั้น มันไม่ใช่หลักประชาธิปไตย 

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย (สร.) กล่าวออกตัวแทนพรรคเพื่อไทยว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยทำทุกวิถีทางเพื่อสลายขั้วทางการเมืองจึงขอวอนให้ประชาชนได้เข้าใจเพราะมีความเข้าใจผิดว่า ตอนหาเสียงเคยพูดอะไรไว้แต่การหาเสียงก็คือการหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนเสียงมาบริหารประเทศ ไม่ใช่นโยบายพรรค จึงถือว่า ผิดสัญญา ทั้งยังกล่าวถึงพรรครวมไทยสร้างชาติไว้ด้วยว่า 

"เวลานี้พรรครวมไทยสร้างชาติ พล.อ.ประยุทธ์ (จันทร์โอชา ประธานที่ปรึกษาพรรค) ก็ไปแล้ว ไม่มีแล้วแม่ทัพ เราควรจะเอาไหม บางคนบอกว่าไม่ได้ แต่ผมก็จะเรียนว่า ควรจะเลี้ยงดูไว้ หรือ แม้กระทั่งพรรคพลังประชารัฐ แม่ทัพยังอยู่ แต่แม่ทัพก็ยอมแพ้ไปแล้ว เราจะเอาไพร่พลต่าง ๆ มาเลี้ยงดูไหม ฝากเป็นข้อคิดให้พี่น้องประชาชนว่า ขอให้เปิดใจให้กว้างเพื่อสนับสนุนพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลให้ได้" 

ในการแถลงจับมือกับพรรคชาติไทยพัฒนาซึ่งเป็นพรรคที่ 9 รวมได้ 238 เสียงในวันนี้ (10 สิงหาคม) นพ.ชลน่าน ตอกย้ำการสลายขั้วทางการเมืองในครั้งนี้โดยยืนยันว่า การที่จะแก้วิกฤตเพื่อนำประชาชนให้พ้นทุกข์ สร้างความสามัคคีและสมานฉันท์ โดยถือเป็น "วาระประเทศ" ที่สำคัญอย่างสูงสุดในครั้งนี้ได้ จำเป็นต้องสลายขั้วการเมืองและดึงความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย เพื่อนำรัฐธรรมนูญออกจากวิกฤต

จบดีลกับพรรคการเมืองขนาดกลาง ขนาดเล็กและขนาดจิ๋ว รวม 8 พรรค ถึงวันนี้เพื่อไทยรวมได้ 238 เสียง ซึ่งก็ยังไม่ถึงกึ่งหนึ่งตามเป้าหมายที่วางไว้ที่ต้องได้ 375 เสียง

ขณะที่มีรายงานล่าสุดว่า นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า แม้ว่าขณะนี้ยังไม่มีการทาบทามจากพรรคเพื่อไทยแต่มีการปรึกษาถึงปัญหาของประเทศ จำเป็นต้องมีรัฐบาลเร่งด่วนไม่ว่าจะเป็นปัญหาในพื้นที่เป็นปัญหาประเทศที่ต้องได้รับการแก้ไข จึงเล็งเห็นว่า จะสนับสนุนพรรคเพื่อไทย พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ขาดแม้แต่คนเดียว ถ้าจะมาเราจะมาทั้งพรรค (40 คน) " 

เท่ากับเป็นการส่งสัญญาณถึงพรรคเพื่อไทยหรือไม่ว่า พรรคพลังประชารัฐ พร้อมเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง เมื่อรวมกับสส.พรรคพลังประชารัฐอีก 40 คนจะทำให้พรรคเพื่อไทยรวมเสียงได้ 278 เสียง 

ต้องรอดูกันต่อว่า ดีลพรรคเพื่อไทยหลังจากนี้จะเป็นเช่นไร จะไปจบที่ตัวเลขเท่าไรและกับพรรคการเมืองไหนอีกบ้าง ต้องติดตาม