11 ส.ค.66 วันเกิด “บิ๊กป้อม” 78 ปี เปิดประวัติคนมากบารมี “ราศีสิงห์”

11 ส.ค. 2566 | 05:18 น.
อัปเดตล่าสุด :11 ส.ค. 2566 | 15:43 น.

วันเกิด “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ 11 สิงหาคมปีนี้ ครบรอบ 78 ปี บรรยากาศยังคงคึกคักและคับคั่งสมกับบารมีเจ้าของงาน ซึ่งเป็นที่รักเคารพของบรรดาน้องพี่ทั้งในแวดวงการเมืองและกองทัพ  

   

แม้จะมีการฉลองวันเกิด-ตัดเค้กล่วงหน้าให้กับ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กันไปแล้วไม่กี่วันก่อนหน้า แต่บรรยากาศที่มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ในเช้าวันนี้ 11 สิงหาคม 2566 ซึ่งตรงกับวันครบรอบวันเกิดปีที่ 78 ของ “บิ๊กป้อม” ก็ยังคงคึกคัก มีคนสนิทใกล้ชิด ทั้งนายทหาร นักการเมืองจากพรรคต่าง ๆ ทยอยมาเข้าร่วมอวยพรเจ้าของวันเกิดอย่างอบอุ่นและต่อเนื่อง

ในบรรดาคนสนิทใกล้ชิดที่ว่านี้ รวมถึงพี่น้อง 3ป. อีกสองคน คือ “ป.ประยุทธ์” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา หรือ ป.ป๊อก รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่นำของขวัญวันเกิดมามอบให้กับ “ป.ประวิตร” เจ้าของวันเกิด พร้อมร่วมรับประทานอาหารเช้าด้วยกัน โดยในโมเมนต์ชื่นมื่นนั้นยังมีนายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ร่วมอยู่ด้วย

ชักภาพร่วมกับ "บิ๊กป๊อก" พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เช้าวันนี้ 11 ส.ค. 2566 (ขอบคุณภาพจากเนชั่นทีวี)

นอกเหนือจากนั้น ก็ยังมีแกนนำพรรคการเมืองและนายทหารทยอยเข้ามาอวยพรเนื่องในวันคล้ายวันเกิดของพล.อ.ประวิตร รวมทั้งพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผู้เป็นน้องชาย ซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ

ในวัย 78 ย่างเข้าปีที่ 79 “บิ๊กป้อม” ยังเปล่งบารมีออร่าจับตา โดยเฉพาะในช่วงจังหวะที่การจัดตั้งรัฐบาลยังฝุ่นตลบไม่ลงตัว และพปชร. ยังเป็นหมากตัวใหญ่บนกระดาน วันนี้ชื่อของพล.อ.ประวิตรก็ยังคงมีลุ้นตำแหน่งนายกฯคนที่ 30 ในสูตรต่างๆของการจัดตั้งรัฐบาล ประชุมรัฐสภาโหวตเลือกนายกฯ รอบที่สาม ภาพรัฐบาลชุดใหม่คงกระจ่างชัดมากขึ้น

พรรคพลังประชารัฐนำเค้กรูปแผ่นที่ประเทศไทยและหุ่นจำลองของ "บิ๊กป้อม" มาร่วมอวยพร

สำหรับ ประวัติ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ นั้น เกิดเมื่อวันที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2488 ปัจจุบันอายุ 78 ปี เป็นคนกรุงเทพฯ (สมัยก่อนเรียกจังหวัดพระนคร) เป็นบุตรคนโตของ พลตรี ประเสริฐ วงษ์สุวรรณ กับนางสายสนี วงษ์สุวรรณ มีน้องชาย 4 คน คือ

  • พลเรือเอก ศิษฐวัชร วงษ์สุวรรณ
  • พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ
  • นายพงษ์พันธุ์ วงษ์สุวรรณ อดีตหัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมทีโอที
  • นายพันธุ์พงษ์ วงษ์สุวรรณ

พี่คนโตของน้องชาย 4 คน

สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์คาเบรียลในปี พ.ศ. 2505 จากนั้นในปี พ.ศ. 2508 สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนเตรียมทหาร รุ่นที่ 6 และศึกษาต่อโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า รุ่นที่ 17 สำเร็จการศึกษาในปี พ.ศ. 2512

จากนั้น ในปี พ.ศ. 2521 เข้าศึกษาโรงเรียนเสนาธิการทหารบก หลักสูตรหลักประจำ ชุดที่ 56 และในปี พ.ศ. 2540 สำเร็จหลักสูตรวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร รุ่นที่ 40 พ.ศ. 2556

บิ๊กป้อม เป็นนายทหารเติบโตมาจากกองทัพภาคที่ 1 สังกัดกับกรมทหารราบที่ 21 รักษาพระองค์ (ร.21 รอ.) หรือที่เรียกกันว่า "ทหารเสือราชินี" เป็นนายทหารรุ่นพี่ที่สนิทสนมกับนายทหารอดีตผู้บัญชาการทหารบกสองนาย คือ พลเอก อนุพงษ์ เผ่าจินดา และพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา

บิ๊กป้อมฉลองวันเกิดล่วงหน้าเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2566 (ขอบคุณภาพจากเพจ FC ลุงป้อม)

หลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 พล.อ.ประวิตร ได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และยังได้รับเลือกให้เป็นประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย

มากบารมีบนเส้นทางการเมือง

"บิ๊กป้อม" เข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีครั้งแรก เป็นรัฐมนตรีกลาโหมในรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ปี พ.ศ. 2551 และในปีต่อมาก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาผู้อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน ประจำกองอำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (กอฉ.) ตามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีที่ 98/2552

ปลาย พ.ศ. 2553 สื่อมวลชนประจำทำเนียบรัฐบาล ได้ตั้งฉายาว่าพล.อ.ประวิตรว่า "ป้อมทะลุเป้า" สืบเนื่องจากผลงานด้านความมั่นคงในการสลายการชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงที่บรรลุเป้าหมาย รวมถึงการขออนุมัติงบประมาณต่าง ๆ ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน

หลังจากการรัฐประหารในประเทศไทย พ.ศ. 2557 บิ๊กป้อมได้รับแต่งตั้งเป็นประธานที่ปรึกษา และเป็นรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในรัฐบาลพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นอกจากนี้ ยังนั่งเก้าอี้เป็นประธานคณะกรรมการอีกกว่า 50 คณะ

ในวันที่ 27 มิถุนายน 2563 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้จัดการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ที่ห้องแกรนด์ ไดมอนด์ บอลรูม อิมแพ็ค ฟอรั่ม เมืองทองธานี โดยมีการแต่งตั้งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ พลเอกประวิตรได้รับการเลือกเป็นหัวหน้าพรรค 

ในช่วงปลายปี พ.ศ. 2565 เกิดความขัดแย้งระหว่างพลเอกประวิตรและพลเอกประยุทธ์ในพรรคพลังประชารัฐ ไม่นานหลังจากนั้นพรรคมีการปรับภาพลักษณ์ของพลเอกประวิตรให้เป็นนายทหารประชาธิปไตย เข้าถึงได้กับทุกกลุ่ม ต่อมาในเดือนมกราคม 2566 พลเอกประยุทธ์ได้สมัครเป็นสมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ขณะเดียวกันพล.อ.ประวิตรกล่าวว่าพร้อมจะเป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่าตนยังมีความสัมพันธ์อันดีกับพลเอกประยุทธ์และพลเอกอนุพงษ์ในฐานะพี่น้อง แม้จะมีความเห็นทางการเมืองที่ต่างกันก็ตาม

ในการเลือกตั้งทั่วไปครั้งล่าสุดในเดือน พ.ค.2566 พล.อ.ประวิตรนำพรรคกวาดที่นั่งในสภาผู้แทนฯมาได้ 40 ที่นั่ง โดยเขาได้รับเลือกเป็น ส.ส. สมัยแรก และเป็น ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อคนเดียวของ พปชร.  อีกทั้งยังเป็นแคนดิเดต หรือบุคคลที่ได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรีไทยเพียงคนเดียวของพรรคอีกด้วย