ประวัติศาสตร์ “กลาโหม” 5 พลเรือนนั่งรัฐมนตรี

30 ส.ค. 2566 | 05:01 น.
อัปเดตล่าสุด :30 ส.ค. 2566 | 13:56 น.

เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่กระทรวงกลาโหม "สุทิน คลังแสง" พลเรือนคนที่ 5 จ่อนั่งรัฐมนตรี คนที่ 42 ต่อจาก “ชวน-สมัคร-สมชาย-ยิ่งลักษณ์” คุมงานความมั่นคงที่มีกำลังพล 3 เหล่าทัพกว่า 305,860 นาย บริหารงบประมาณถึง 198,562 ล้านบาท : รายงานหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ

เป็นรูปเป็นร่างเริ่มเห็นโฉมลงตัวค่อนข้างหมดแล้ว สำหรับ “ครม.เศรษฐา 1” ในบรรดาโผรัฐมนตรีทั้งหมด 36 คน ที่เรียกเสียงฮือฮาได้มากที่สุด เห็นจะเป็นการวางตัวให้ “สุทิน คลังแสง” นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม (พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน) คนที่ 42 และถือเป็น “พลเรือน” คนที่ 5 ที่จะนั่งในตำแหน่งนี้

“สุทิน คลังแสง”เป็นใคร

ดร.สุทิน คลังแสง เกิดวันที่ 9 มี.ค. 2504 ปัจจุบันอายุ 62 ปี ที่อำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม สมรสกับ ดร.ฉวีวรรณ คลังแสง อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการ มีบุตร 2 คน คือ นายรัฐ คลังแสง และ น.ส.ฐาธิปัตย์ คลังแสง

ดร.สุทิน คลังแสง สำเร็จการศึกษาระดับ ปริญญาตรี ศึกษาศาสตรบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ มหาสารคาม, ระดับปริญญาโท สาขาไทยคดีศึกษา จากมหาวิทยาลัยมหาสารคาม และ Doctor of Philosophy Magadh University ประเทศอินเดีย เคยเป็น ผู้ช่วยอธิการบดีมหาวิทยาลัยมหาสารคาม

นอกจากนั้น ยังผ่านการศึกษาอบรมหลักสูตรการเมืองการปกครองระบอบประชาธิปไตย จากสถาบันพระปกเกล้า
ดร.สุทิน คลังแสง เป็น ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ สังกัดพรรคไทยรักไทย ปี 2544 และ 2548 ต่อมาได้ลงสมัครส.ส.ในระบบเขต ที่จังหวัดมหาสารคาม ในนามพรรคพลังประชาชน ในปี 2550 และได้รับเลือกตั้ง

หลังจากนั้นได้ย้ายมาสังกัดพรรคเพื่อไทย และได้รับตำแหน่งประธานคณะกรรมาธิการกิจการองค์กรตามรัฐธรรมนูญ รัฐวิสาหกิจ องค์กรมหาชน และกองทุน สภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 23

ในปี 2551 ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน 

หลังพ้นระยะเวลาเว้นวรรคการเมือง ดร.สุทิน ได้เข้าร่วมงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย โดยปี 2563 ได้รับเลือกจากที่ประชุมใหญ่ให้เป็นรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย

ในการเลือกตั้ง ส.ส.ปี 2566 ดร.สุทิน ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งในระบบบัญชีรายชื่อ ลำดับที่ 9 และได้รับการเลือกตั้ง เนื่องจากผลการเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ได้ 29 ที่นั่ง 

ดร.สุทิน คลังแสง ยังได้รับบทบาทประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคการเมืองฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร 
เป็นผู้ที่บทบาทสำคัญในการทำหน้าที่อภิปรายในสภาผู้แทนราษฎร โดยเฉพาะในการอภิปรายไม่ไว้วางใจ การตรวจสอบและการทำงานของคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในหลายครั้ง 

                          ประวัติศาสตร์ “กลาโหม” 5 พลเรือนนั่งรัฐมนตรี

ย้อน 4 พลเรือนคุมกลาโหม

ก่อนหน้านี้ ประวัติศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม ส่วนใหญ่บุคคลที่ได้รับแต่งตั้งให้เป็น สมุหพระกลาโหม เสนาบดีกระทรวงกลาโหม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม จะเป็น “ทหาร” เสียเป็นส่วนใหญ่ 

แต่มาระยะหลัง นับแต่ปี 2540 ได้มีการแต่งตั้ง “พลเรือน” ให้เป็น รมว.กลาโหม มาแล้ว 4 คน (พ.ศ. 2475 - ปัจจุบัน) พลเรือนคนแรกที่ได้เป็น รมว.กลาโหม คือ นายชวน หลีกภัย ตามด้วย นายสมัคร สุนทรเวช, นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร 

สำหรับ ชวน หลีกภัย เป็นนายกรัฐมนตรี พร้อมควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม (14 พ.ย. 40 - 5 ก.พ. 44) เพื่อกระชับอำนาจทางการเมือง เนื่องจากในห้วงนั้นความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายการเมืองกับกองทัพไม่ราบรื่นนัก 

ขณะที่ สมัคร สุนทรเวช (6 ก.พ. 51- 9 ก.ย. 51) และ สมชาย วงศ์สวัสดิ์ (24 ก.ย. 51 -2 ธ.ค. 51) เป็นนายกฯ และนั่งควบเก้าอี้ รมว.กลาโหม เพื่อสร้างบรรยากาศไม่ให้เกิดบรรยากาศการเป็นศัตรูกับบรรดาบิ๊กทหาร

ส่วน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร (30 มิ.ย. 56 - 7 พ.ค.57) เป็นนายกฯ ควบเก้าอี้รมว.กลาโหม เพื่อถ่วงดุลอำนาจการเมืองกับบรรดาบิ๊กทหาร ที่ขณะนั้นมีกระแสต่อต้านจากหลายฝ่ายในกองทัพ โดยมุ่งเป้าโจมตี ไม่มีประสบการณ์ทางการทหาร

ย้อนไปไกลกว่านั้น จะเห็นว่า รมว.กลาโหม 41 คน ล้วนมาจากนายทหารระดับสูงทั้งสิ้น เช่น รมว.กลาโหมคนแรกของไทย คือ นายพลเรือโท พระยาราชวังสัน (ศรี กมลนาวิน) ดำรงตำแหน่งระหว่าง 10 ธ.ค. 2475 ถึง 20 มิ.ย.2476 
ตามด้วย นายพลตรี พระยาประเสริฐสงคราม (เทียบ คมกฤส), นายพันเอก พระยาพหลพลพยุหเสนา (พจน์ พหลโยธิน), นายพันเอก หลวงพิบูลสงคราม (แปลก ขีตะสังคะ) 

นายพลตรี หลวงพรหมโยธี (มังกร ผลโยธิน), พลโท หลวงเกรียงศักดิ์พิชิต (พิชิต เกรียงศักดิ์พิชิต), พลเรือเอก สินธุ์ กมลนาวิน, พลโท หลวงสินาดโยธารักษ์ (ชิต มั่นศิลป์), พลโท จิร วิชิตสงคราม พลโท หลวงชาตินักรบ (ศุข ชาตินักรบ)  รวมทั้ง ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช และ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และรัฐบุรุษ ล้วนดำรงตำแหน่งนายกฯ และรมว.กลาโหม 

                              ประวัติศาสตร์ “กลาโหม” 5 พลเรือนนั่งรัฐมนตรี

บริหารคน-งบอื้อ

ถ้า สุทิน คลังแสง ได้เป็น รมว.กลาโหม คนที่ 42 จะถือเป็น “พลเรือน คนที่ 5 และเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์ของกระทรวงกลาโหม และการเมืองไทย ที่เป็น รมว.กลาโหม แต่ไม่ได้นั่งควบเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

มีบทบาทและอำนาจในการคุมงานด้านความมั่นคงของประเทศ ที่มีกำลังพล 3 เหล่าทัพในสังกัดมากถึง 305,860 นาย และบริหารงบประมาณกระทรวงกลาโหม ถึง 198,562 ล้านบาท (งบประมาณปี 2567)

ส่วนจะได้รับการยอมรับจาก “เหล่านายทหาร” หรือไม่ ต้องติดตามดูกันต่อไป...

 

"สุทิน"ยังไม่มั่นใจได้คุมกลาโหม

นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ซึ่งได้เดินทางมายังสำนักงานเลขาธิการคณะรัฐมนตรี เพื่อส่งประวัติให้ตรวจสอบความถูกต้องของคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี พร้อมเปิดเผยว่า วันนี้รู้แค่ว่าเป็นหนึ่งใน 35 ชื่อ ที่เป็นรัฐมนตรีได้ 

ส่วนตำแหน่งรมว.กลาโหม ยังไม่มั่นใจ เป็นเพียงข่าว และวันนี้ตนมายื่นเอกสารก็ไม่ได้ระบุตำแหน่ง

ส่วนถ้ามานั่งตำแหน่งรมว.กลาโหม มีความพร้อมทำงานร่วมกับทหารหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า พร้อมทำงานทุกกระทรวง และตนมีความตั้งใจดี มีร่างกายแข็งแรง สู้งานได้ ทำงานได้ทุกรูปแบบ ทุกบุคคลิก

สำหรับนโยบายที่หาเสียงเกี่ยวกับกองทัพไว้ จะผลักดันให้เป็นรูปธรรมอย่างไร นายสุทิน กล่าวว่า ทุกนโยบายเราต้องทำได้ ช้าหรือเร็วต้องดูความเป็นจริงและองค์ประกอบ

เมื่อถามว่าให้ความสบายใจกับคนในกองทัพอย่างไร เพราะถูกมองว่าไม่สันทัดในเรื่องของความมั่นคง นายสุทิน ชี้แจงว่า ทุกอย่างเรียนรู้ได้จากคนในกระทรวงกลาโหม และจะมีการตั้งทีมงาน ซึ่งตอนนี้ยังไม่ได้เล็งใครเอาไว้ ต้องรอให้โปรดเกล้าฯ และให้รู้ชัดเจนว่าเป็นรัฐมนตรีกระทรวงใด แล้วค่อยหาทีมงาน 

ส่วนที่ถูกมองว่าพรรคเพื่อไทยและกองทัพเป็นฝ่ายตรงข้าม จะมีแรงเสียดทานอะไรหรือไม่ นายสุทิน ตอบว่า ทุกคนตั้งใจดีจะนำบ้านเมืองไปสู่ความปรองดอง สามัคคี ก็ต้องปรับท่าทีเข้าหากัน

เมื่อถามว่าคนในกองทัพไม่เชื่อว่า นายสุทิน จะมาเป็นรัฐมนตรีกลาโหม อยากฝากอะไรถึงทหารหรือไม่ นายสุทิน ยอมรับว่า "ใช่ ถ้าได้เป็นจริงๆ เดี๋ยวจะบอก ทุกวันนี้ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าจะเป็นจริงหรือไม่”

เมื่อถามว่ารู้สึกชินหรือยังที่ถูกเรียก บิ๊กทิน นายสุทิน กล่าวว่า ยังตกใจอยู่เลย พร้อมกล่าวทีเล่นทีจริงว่า ถ้าเป็นนามสกุล ผมก็ชนะแล้ว พร้อมย้ำว่าทุกวันนี้เดากันทั้งหมด ยังไม่ชัวร์

"ตอนนี้ผมยังไม่รู้ว่าจะได้เป็นจริงหรือไม่ แต่หากได้เป็นจริงก็ไม่แปลกหรอก อาจจะมีพลเรือนมานั่งเป็น รมว.กลาโหม ทั่วโลกก็มี อาจจะเป็นมิติใหม่ของบ้านเมืองเราด้วย และได้พบเห็นสิ่งใหม่ๆ" นายสุทิน ระบุ