กรณี นายพิชิต ชื่นบาน หรือ "ทนายความถุงขนม" ติดโผ ครม. เศรษฐา 1 ถูกเสนอชื่อให้เป็น รัฐมนตรีประจำสำนักนายกนายกรัฐมนตรี ด้านกฎหมาย กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์กันอย่างกว้างขวางถึง คุณสมบัติและความเหมาะสม ในการเข้ามาตำรงตำแหน่ง
โดยเฉพาะในกรณีที่นายพิชิตในฐานะหัวหน้าทีมทนายความของทักษิณ ชินวัตร หิ้วถุงขนม ข้างในใส่เงินสด 2 ล้านบาท ไปมอบให้เจ้าหน้าที่ธุรการศาล ระหว่างการพิจารณาคดีที่ดินรัชดาฯของศาลฎีกาคดีแผนกอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง เมื่อปี 2551 จนศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก 6 เดือน โดยไม่รอลงอาญา ฐานละเมิดอำนาจศาล
มีคำถามตามมาว่า การที่ศาลฎีกาฯมีคำสั่งคุกนั้น ทำให้นายพิชิต ชื่นบาน ขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 หรือไม่
รัฐธรรมนูญ 2560 มาตรา 160 กำหนดคุณสมบัติของคณะรัฐมนตรีไว้ดังนี้
มาตรา 98 แห่งรัฐธรรมนูญ 2560 บัญญัติว่า บุคคลผู้มีลักษณะดังต่อไปนี้เป็นบุคคลต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร
ประเด็นข้อกฎหมายที่น่าสนใจ
คุณสมบัติรัฐมนตรีตาม มาตรา 160 (6) ไม่มีลักษณะต้องห้ามตามมาตรา 98 เป็นข้อกำหนดเกี่ยวกับบุคคลผู้มีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร มีประเด็นข้อกฎหมายที่ต้องพิจารณา คือ มาตรา 98 (7) เคยได้รับโทษจำคุกโดยได้พ้นโทษมายังไม่ถึงสิบปีนับถึงวันเลือกตั้ง เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
กรณีศาลฎีกาฯ มีคำสั่งจำคุก ‘พิชิต ชื่นบาน 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล หากพิจารณาจากมาตรา 98 (7) จะพบว่า นายพิชิต ถูกคำสั่งจำคุก 6 เดือนเมื่อปี 2551 ปัจจุบันผ่านมากว่า 15 ปีแล้ว ดังนั้นจึงพ้นโทษเกิน 10 ปี นั่นจึงทำให้เขาไม่ติดคุณสมบัติข้อนี้
คุณสมบัติรัฐมนตรีตามมาตรา 160 (7) ไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีนั้นจะยังไม่ถึงที่สุด หรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
หากพลิกคำสั่งของศาลฎีกาฯในคดีถุงขนม ศาลพิพากษาการกระทำ พิชิต ชื่นบาน กับพวก ว่า
การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นความผิดละเมิดอำนาจศาลหรือไม่ เห็นว่า เงินที่ผู้ถุกกล่าวหาที่ 3 มอบให้ม.ล.ฐิติพงศ์ เพื่อนำไปแบ่งกันกับเจ้าหน้าที่ในแผนกมีจำนวนมากถึง 2,000,000 บาท แสดงให้เห็นว่า ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามมีเจตนาที่จูงใจให้ม.ล.ฐิติพงศ์ และเจ้าหน้าที่ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง กระทำการอันมิชอบด้วยหน้าที่ ซึ่งอาจเชื่อมโยงไปเป็นประโยชน์แก่จำเลยในคดีหมายเลขดำที่ อม.1/2550 การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม
จึงเป็นการประพฤติตนไม่เรียบร้อยบริเวณศาล เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตาามประมวลกฏหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง มาตรา 31(1),33 ประกอบประมวลกฏหมายอาญา มาตรา 83 และน่าจะมีมูลความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฏหมายอาญามาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าพนักงาน การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม เป็นการกระทำที่อุกอาจ ท้าทายและเกิดขึ้นที่ศาลฎีกา ซึ่งเป็นศาลยุติธรรมชั้นสูงสุดของประเทศ
ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ประกอบอาชีพทนายความ และที่ปรึกษากฏหมาย ย่อมตระหนักดีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาล ยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ
จึงเห็นสมควรลงโทษในสถานหนักเพื่อมิให้เป็นเยี่ยงอย่างอีกต่อไป ให้จำคุกผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาคนละ 6 เดือน ส่วนความผิดฐานให้สินบนแก่เจ้าพนักงานตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 144 หรือความผิดอื่นต่อเจ้าหน้าที่พนักงาน นั้น ให้ผู้กล่าวหาไปดำเนินการตามกฎหมายแก่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสามและผู้ที่เกี่ยวข้องต่อไป
ประเด็นต่อมาที่ต้องพิจารณาคือ คำสั่งจำคุก พิชิต ชื่นบาน กับพวก 6 เดือน ฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นคุณสมบัติต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160 (7) หรือไม่
ประเด็นนี้ พิชิต ชื่นบาน ยืนยันว่า ตนไม่ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามใดๆ ทั้งสิ้น รวมทั้งไม่เคยมีประวัติอาชญากรรม ไม่เคยต้องคำพิพากษาในคดีความอาญา ส่วนความผิดฐานให้สินบนเจ้าหน้าที่หรือศาล คดีที่ถูกแจ้งข้อกล่าวหาในปี 2552 ว่า ร่วมกันใช้ ขอให้หรือรับว่าจะให้ทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดแก่เจ้าพนักงานฯ แต่พนักงานสอบสวน (ตำรวจ) สน.ชนะสงคราม มีความเห็นสั่งไม่ฟ้อง ต่อมาพนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 มีคำสั่งไม่ฟ้องเด็ดขาด
นายพิชิต อ้างว่า ตนถูกสั่งจำคุกฐานละเมิดอำนาจศาล ไม่ใช่ความผิดทางอาญา นอกจากนี้ รัฐธรรมนูญยังเปิดโอกาสให้บุคคลที่เคยได้รับโทษจำคุกในความผิดฐานประมาท หรือความผิดลหุโทษ สามารถเข้าสู่ตำแหน่งรัฐมนตรีได้ โดยไม่มีเงื่อนไขเกี่ยวกับระยะเวลาในการพ้นโทษ
ขณะที่ศาสตราจารย์พิเศษ วิชา มหาคุณ อดีตกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ(ป.ป.ช.) ให้ความเห็นกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า นายพิชิต ชื่นบาน มีคุณสมบัติต้องห้ามการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมนูญมาตรา 160(7) หรือไม่ต้องให้ศาลรัฐธรรมนูญเป็นผู้ตีความ และเชื่อว่าหากมีการแต่งตั้งนายพิชิตเข้ามาเป็นรัฐมนตรีก็จะมีการยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอย่างแน่นอน
เจตนารมณ์รัฐธรรมนูญมาตรา 160
เมื่อพลิกดูความมุ่งหมายและคำอธิบายประกอบรายมาตรา ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ได้ จัดทำคำอธิบายประกอบคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 ว่า ได้กำหนดให้มีมากขึ้น เพื่อให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว)พุทธศักราช 2557 มาตรา 35 ที่กำหนดให้การร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่จะต้องครอบคลุมในเรื่องต่าง ๆ
โดยเฉพาะในเรื่องที่เกี่ยวกับการป้องกันการทุจริตและการใช้อำนาจโดยไม่ชอบ จึงได้มีการกำหนดให้รัฐมนตรีต้องมีคุณสมบัติเบื้องต้นเท่ากับผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามอื่น ๆ เพิ่มเติมขึ้น เช่น ต้องมีความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไม่มีพฤติกรรมเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง รวมทั้งต้องไม่เป็นผู้ต้องคำพิพากษาให้จำคุก แม้คดีจะยังไม่ถึงที่สุดหรือมีการรอการลงโทษ เว้นแต่เป็นความผิดอันได้กระทำโดยประมาท ความผิดลหุโทษ หรือความผิดฐานหมิ่นประมาท
จากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญจะเห็นได้ว่าการกำหนดคุณสมบัติรัฐมนตรีในรัฐธรรมนูญนอกจากในเรื่องกฎหมายแล้วยังมีเรื่องของจริยธรรมเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย
เมื่อดูจากคำสั่งศาลฎีกาตอนหนึ่งที่ระบุว่า “ผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม ประกอบอาชีพทนายความ และที่ปรึกษากฏหมาย ย่อมตระหนักดีว่า การกระทำของผู้ถูกกล่าวหาทั้งสาม จะทำให้เกิดความเสื่อมเสียแก่สถาบันศาล ยุติธรรมและจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อถือและความศรัทธาในการปฏิบัติหน้าที่ของบุคลากรในอำนาจตุลาการ”
คำถามที่ตามมาคือ พฤติกรรมของนายพิชิต ชื่นบาน กับพวก ในคดีถุงขนม เป็นการกระทำที่ถูกต้องตามกฎหมายจริยธรรมหรือไม่?