โปรไฟล์การทำงาน "ศิรินันท์ ศิริพานิช" ไม่ธรรมดา เธอคร่ำหวอดอยู่ในแวดวงการศึกษาและการเมืองมานาน ปัจจุบันทำงานด้านสังคมในฐานะประธานคณะกรรมการเด็ก สตรี เยาวชน ผู้สูงอายุ ผู้พิการ และผู้ด้อยโอกาส พรรครวมไทยสร้างชาติ และเป็นที่ปรึกษาผู้แทนการค้าการลงทุนระหว่างประเทศ สำนักงานผู้แทนการค้าไทย ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ศิรินันท์ เล่าถึงแรงจูงใจที่เข้าสู่เส้นทางการเมือง เริ่มตั้งแต่เรียนปริญญาตรี คณะศิลปศาสตรบัณฑิตสาขาอังกฤษและอเมริกันศึกษา หลักสูตรนานาชาติ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ตอนนั้นมีคุณครูท่านหนึ่งทำงานที่ White House มาสอนที่ธรรมศาสตร์ เห็นว่าสนใจด้าน Public Policy จึงชวนไปเรียนที่นิวยอร์ค เติมเต็มความรู้ด้านที่ชอบ ทำให้เธอคว้าปริญญาโท Master of Public Administration in Urban Policy and Sustainable Development, Columbia University, USA เกียรตินิยมอันดับ 1สำเร็จ
ช่วงที่เรียนในมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย เธอได้เรียนรู้จากนายกเทศมนตรี อดีตนายกรัฐมนตรี และประสบการณ์ตรงจากการทำงานกับชุมชนฮาร์เล็ม (Harlem) เป็นชุมชนที่มีรายได้ต่ำอยู่ในนครแมนฮัตตัน ที่นครนิวยอร์ก
จากที่ได้ทำงานที่สำนักงบประมาณ สำนักการศึกษา จึงเกิดความคิดว่าทำอย่างไรให้โรงเรียนในชุมชนฮาร์เล็ม ได้รับงบประมาณกระจายทั่วถึง ให้บุคลกรครูได้พัฒนา ได้ทักษะ ให้ผู้ปกครองได้ใช้ประโยชน์ ผู้ปกครองที่นี่ทำงานตั้งแต่เช้าถึงค่ำ ไม่มีเวลาดูแลลูกเลย เด็กๆต้องกลับบ้านอยู่คนเดียว ทำอย่างไรจะให้เด็กเหล่านี้มีคนดูแล
จากที่ได้คลุกคลีกับประชาชนจริงๆและคนสำนักงบประมาณ ทำให้ ศิรินันท์ อยากกลับมาทำงานเพื่อสังคม พอกลับมาแล้วเส้นทางก็ยังไม่เป๊ะถึงเส้นทางการเมืองโดยตรง เพราะเป็นผู้ช่วยเลขานุการกรุงเทพมหานคร ทำงานด้านนโยบายที่ศาลาว่าการกทม.ซึ่งต้องดูแล 50 เขต
“ 10 กว่าปีที่ผ่านมาอ้ออยู่ในแวดวงการศึกษาตลอด เป็นทั้งอาจารย์ประจำ อาจารย์พิเศษ ผู้บรรยาย สอน Public speaking เป็นพิธีกรสองภาษา มันก็ไม่ตีวงมาสักที เลยคิดว่า มันถึงเวลาแล้วค่ะ ด้วยประสบการณ์และทุกอย่าง ความรู้แน่น ประสบการณ์แน่น แต่ไม่ได้จับต้องความคิดที่ใกล้ชิดประชาชน อย่างแท้จริง จึงอยากจะใช้ประโยชน์ที่เป็นความสามารถ ประสบการณ์ทั้งหมดมาเป็นประโยชน์ในวงกว้างขึ้นและเขตที่ดูแลเป็นเขตที่อ้อเติบโตมา “
ปั้นเด็กไทยสู่”High value”
ศิรินันท์ ย้ำถึงความตั้งใจที่จะนำประสบการณ์ที่ทำงานมาใช้เพื่อดูแลประชาชน โดยเฉพาะในเขต 2 สาทร ปทุมวัน ราชเทวี เพราะแต่ละพื้นที่ปัญหาแตกต่างกันออกไป คิดว่าประเทศชาติจะพัฒนาได้อันดับแรกการศึกษาพื้นฐาน
นโยบายหลักของ ศิรินันท์ คือ ทำอย่างไรให้เด็กเรียนจบใหม่มีรายได้ที่ดีขึ้น และทำอย่างไรจะให้เด็กจบใหม่มีงานทำทันที ต้องดูว่า ตลาดงาน ตลาดโลกต้องการใคร ทักษะอะไร เขาไม่ต้องการสายสามัญแล้วก็ได้ คำตอบคือเราต้องพัฒนาสายอาชีวะ
“อยากให้คนไทยเปลี่ยนมุมมองใหม่แบบ High value เพราะอาชีวะสามารถพัฒนาเศรษฐกิจระดับมหภาพได้เลย เพราะตลาดโลกต้องการทักษะแห่งอนาคต เช่น Coding, Robotic, Digital Marketing, Online Marketing อ้อ อยากพัฒนาทักษะแห่งอนาคต ลงในหลักสูตรการศึกษาทั้งสายสามัญและอาชีวทักษะเหล่านี้ ไปสอนเด็กสายอาชีวะ และสอนเด็กสายสามัญ
เมื่อเด็กจบใหม่จะได้มีทักษะที่ตลาดโลกต้องการจริงๆ มีน้องๆบางคนเพิ่งเรียนจบต้องไปเรียนทักษะ Online Marketing แล้วเสียเงินเพิ่ม ต้องหาความรู้เสริม ทำไมเราไม่เอาทักษะเหล่านี้มาใส่ในหลักสูตรเลย น้องๆจะได้มีรายได้ “
ศิรินันท์ เสนอโมเดลของสิงคโปร์ เป็นทุนที่รัฐบาลให้ประชาชนทุกคนฟรี สามารถไปเรียนอะไรก็ได้ รัฐบาลจ่ายให้ แล้วรัฐบาลจะจับคู่กับบริษัทด้านนี้ จบแล้วนำมาใช้งานได้ เรียกว่าการ Re-Skill ให้ประชาชนทุกคนให้เป็นที่ต้องการของตลาดงาน เพิ่มรายได้ให้ตัวเองมากขึ้น
“เรื่องนี้ อ้อ เล่าให้ประชาชนในพื้นที่ฟังได้รับเสียงตอบรับดีมาก เพราะเป็นรูปธรรม จบมาแล้วเลี้ยงปากท้องประชาชนได้ แล้วทำไมเด็กที่จบมาแล้วจะไม่มีงานทำ มันต้องมีงานทำ แล้วจะทำอย่างไรให้มีงานทำ ต้องปฎิรูปการศึกษาให้ดีขึ้น ให้เหมาะกับโลกปัจจุบันสิงคโปร์ทำได้เราก็ต้องทำได้”
ศิรินันท์ ยังเล่าถึงสภาพปัญหาที่เจอหลังจากลงพื้นที่ ไม่พ้น ปัญหาแม่และเด็ก ประชาชนอยากให้รัฐบาลเพิ่มสวัสดิการการดูแลแม่และเด็ก แม้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้ออกโครงการมารดาประชารัฐมา บางท่านไม่ทราบสิทธิ์และบางท่านสิทธิ์ไม่ถึง โครงการมารดาประชารัฐ
ตั้งแต่ตั้งท้องจนถึงคลอด จะได้เดือนละ 3,000 บาท ทุกเดือน วันที่คลอดบุตร ได้ค่าทำคลอดบุตร 10,000 บาท และจะได้ เดือนละ 2,000 บาททุกเดือน ตลอด 6 ปี เป็นเงินอุดหนุนค่าเลี้ยงดู เพราะช่วงเด็กแรกเกิดถึง 6 ขวบ เป็นช่วงวัยสำคัญ ต้องได้รับอาหารที่มีคุณภาพ แต่มีกฎต้องมีรายได้ขั้นต่ำ1 แสนบาทต่อปี และต้องมีบัตรประชารัฐ
“อ้อ อยากขยายสิทธิมากขึ้นและลดคุณสมบัติให้น้อยลง เพื่อให้สตรีและครอบครัวทุกคนในประเทศไทยจะสามารถเข้าถึงสิทธิพิเศษขึ้นพื้นฐานตรงนี้ เราอาจจะลดสิทธิ์รายได้ไม่ต้องถึง 1 แสนบาท หรืออาจจะมีมากกว่าหนึ่งแสนเศษๆ แต่มีภาระต้องผ่อนหนี้ผ่อนบ้าน ผ่อนรถ เพื่อสตรีที่มีลูกเข้าถึงได้มากขึ้น”
อ้อ รู้ว่ามนุษย์เงินเดือดทุกคนลำบากในการเลี้ยงลูกเล็ก อยากให้คุณพ่อมีสิทธิลาได้มากขึ้น เพื่อสลับกันเลี้ยงลูก สิทธิที่พล.อ.ประยุทธ์ ให้ก็ดีมากแล้ว แต่เราสามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้ ด้วยการคลอบคลุมคนทุกกลุ่ม”ศิรินันท์ กล่าวอย่างมุ่งมั่น
อีกกลุ่มที่เธอ ตั้งใจจะดูแล คือกลุ่มเปราะบาง เช่น กลุ่ม HIV เพราะกลุ่มผู้ติดเชื้อนี้ไม่ค่อยได้รับการดูแล ที่จริงรัฐให้สิทธิตรวจ HIV ฟรีปีละ 2 ครั้ง คนไม่ทราบ ก็ไม่มีคนไปตรวจ พอเป็นก็หลบซ่อนตัว โรคลามไปมาก แล้วรักษาไม่ทัน โรคนี้รู้เร็ว รู้ไว รักษาทันแน่นอน
หรือสิทธิ์ตรวจดาวน์ซินโดรมในแม่และเด็กก็ฟรี แต่ครอบครัวบางกลุ่มไม่ทราบถึงสิทธิ์ นอกจากขยายสิทธิ์ให้ครอบคลุมอยากจะประชาสัมพันธ์ให้ดีขึ้น ให้คนรุ่นมใหม่เข้าใจมากขึ้น อาจจะเป็นรูปแบบใหม่ๆ ให้เข้าถึงทุกกลุ่มคน
ก่อนจบบทสนาแบบกันเอง ศิรินันท์ ยอมรับว่า ที่ร่วมงานกับพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะชื่นชม “ลุงตู่” จากผลงานหลายๆอย่างที่ทำ เช่น โครงสร้างพื้นฐานรัฐบาล”ลุงตู่”อยู่มา 8 ปี รถไฟฟ้าเสร็จแล้ว 11 สาย กำลังก่อสร้าง 4 สาย ภายในมิถุนายนปีนี้ จะเสร็จ 2 สาย คือสายสีเหลือง และสายสีชมพู
ศิรินันท์ ยอมรับว่า ประการณ์จากการทำงานในต่างประเทศ ทำให้เห็นความแตกต่างของประเทศที่พัฒนาแล้วกับประเทศที่กำลังพัฒนา หลักๆคือโครงสร้างพื้นฐาน ที่ครอบคลุม สะอาด ปลอดภัย ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายในการเดินทางเยอะ สามารถนั่งไปทำงานที่ไหนก็ได้ มีช่องทางไปหางานให้สะดวกมากขึ้น เรื่องนี้ท่านทำได้ดีมาก
“อ้อ อยากมาจอยทีมท่านเพราะพรรคและพล.อ.ประยุทธ์ ให้โอกาสคนรุ่นใหม่ในการแสดงความคิดเห็น เราสามารถมีบทบาทแสดงความเห็นต่อพรรคและพล.อ.ประยุทธ์ได้
ทางพรรคพิจารณานโยบายเรา เราสามารถเป็นผู้นำในพรรคได้ เป็นผู้นำในสิ่งที่เราถนัด เป็นการผสมผสานที่ระหว่างคนรุ่นใหญ่และคนรุ่นใหม่ ร่วมกันได้”
เป็นความมุ่งมั่นของเลือดใหม่การเมือง ก่อนจบบทสนาแบบกันเอง