ต่างชาติซื้อโรงงานสิ่งทอเวียดนามคึกคัก

หนังสือพิมพ์เวียดนามนิวส์รายงานว่าขณะนี้กระแสการซื้อกิจการและควบรวมบริษัทสิ่งทอและโรงงานเสื้อผ้าสำเร็จรูปท้องถิ่นของเวียดนามเป็นไปอย่างคึกคัก เพื่อเตรียมรับอนาคตการส่งออกที่สดใสจากการตัดสินใจของรัฐบาลเวียดนามในการเข้าร่วมข้อตกลงทีพีพี และทำสัญญาการค้าเสรีกับนานาประเทศ

เวียดนามนิวส์อ้างรายงานจากสมาคมเสื้อผ้าสำเร็จรูปสิ่งทอเย็บปักและถักร้อยของนครโฮจิมินห์ ระบุว่ากระแสการควบรวมและซื้อกิจการของโรงงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูป เกิดขึ้นหลังจากที่แต่ละโรงงานพบว่าไม่สามารถรับออร์เดอร์จากต่างประเทศได้เนื่องจากกิจการท้องถิ่นมีกำลังการผลิตต่ำและทุนน้อย

นายฝ่ามซานห่ง (Pham Xuan Hong) รองประธานสมาคมสิ่งทอและเครื่องนุ่งห่มเวียดนามกล่าวว่าธุรกิจขนาดกลางยังสามารถรักษาธุรกิจไว้ได้ขณะที่กิจการขนาดเล็กตัดสินใจขายโรงงานและเครื่องจักรให้กับกิจการขนาดใหญ่และหันไปทำธุรกิจอื่น‘บางกิจการขายโรงงานบางส่วนให้กับบริษัทต่างชาติ รวมทั้งบริษัทจากประเทศจีนเพื่อพัฒนาโรงงานให้สามารถผลิตให้ได้ตามมาตรฐานการส่งออกเตรียมตัวสำหรับตลาดทีพีพี’

ทีพีพี คือข้อตกลงหุ้นส่วนเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก ซึ่งมีประเทศสมาชิกผู้ก่อตั้ง 12 ประเทศที่อยู่สองฝากฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิก รวมทั้งสหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ญี่ปุ่น เวียดนาม สิงคโปร์ ชิลี ฯลฯ คาดว่าข้อตกลงจะใช้บังคับภายในอีก 2 ปีมีผลให้ 12 ประเทศรวมเป็นตลาดเดียวทำให้เวียดนามสามารถส่งสินค้าสิ่งทอไปขายสหรัฐอเมริกาโดยไม่ต้องเสียภาษี

นายเหวียนวันฮวาน อดีตผู้อำนวยการวิทยาลัยอุตสาหกรรมสิ่งทอเสื้อผ้าสำเร็จรูปและแฟชั่นฮานอย กล่าวว่านักลงทุนต่างชาติมีปัญหาไม่สามารถสร้างโรงงานได้เนื่องจากหลายเมืองในเวียดนามจำกัดการลงทุนของต่างชาติในอุตสาหกรรมสิ่งทอ เพราะกลัวปัญหาสิ่งแวดล้อมทำให้ นักลงทุนหันไปซื้อกิจการท้องถิ่นแทนการสร้างโรงงานใหม่

เวียดนามนิวส์ระบุว่ากระทรวงวางแผนและลงทุนมีนโยบายตรวจสอบคำขอตั้งโรงงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปของนักลงทุนต่างชาติอย่างละเอียดเนื่องจากการผลิตเส้นใยและย้อมผ้าทำให้เกิดมลพิษได้ มีผลให้การออกใบอนุญาตเป็นไปอย่างล่าช้ามีรายงานว่าในปี 2557 มีการออกใบอนุญาตโรงงานสิ่งทอและเสื้อผ้าสำเร็จรูปเพียง 30 โครงการขณะที่มีคำขอเหลืออีกจำนวนมาก

เวียดนามนิวส์ระบุว่านอกจากนักลงทุนจีนแล้วมีนักลงทุนจากประเทศอินเดียให้ความสนใจลงทุนโครงการสิ่งทอในเวียดนามด้วยโดยในปี 2559 นี้รัฐบาลอินเดียได้ให้ความช่วยเหลือเวียดนามเป็นเงิน 300 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 10,800 ล้านบาท) โดยส่วนหนึ่งของความช่วยเหลือเป็นโครงการผลิตวัตถุดิบสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอของเวียดนาม

จากหนังสือพิมพ์ฐานเศรษฐกิจ ปีที่ 36 ฉบับที่ 3,120 วันที่ 7 - 9 มกราคม พ.ศ. 2559