เฟด-คลังสหรัฐจับมือ ร่วมกันพยุงเศรษฐกิจฝ่าวิกฤตโควิด

01 ก.ค. 2563 | 00:21 น.
อัปเดตล่าสุด :01 ก.ค. 2563 | 07:32 น.

ประธานธนาคารกลาง (เฟด) และรัฐมนตรีคลังสหรัฐ กล่าวยืนยันในการแถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐวานนี้ (30 มิ.ย.)ว่า ทั้งเฟดและกระทรวงการคลังจะกระทำทุกวิถีทางเพื่อพยุงเศรษฐกิจของสหรัฐฝ่าวิกฤตโควิด-19 ไปให้ได้

 

โดยในการแถลงดังกล่าว ทั้ง เฟด และ กระทรวงการคลัง ระบุว่า กำลังหาลู่ทางที่จะ ขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน 11 โครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยเฟดให้สามารถเข้าถึงความต้องการของตลาดเป็นวงกว้าง และช่วยเหลือชาวอเมริกันราว 25 ล้านคนที่ตกงานในช่วงโควิด-19 ระบาด ให้สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง

 

นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (เฟด) และ นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ ได้แถลงต่อคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐวานนี้ (30 มิ.ย.) เกี่ยวกับบทบาทของเฟด และกระทรวงการคลังสหรัฐ ในการรับมือกับการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

 

นายพาวเวลล์กล่าวก่อน โดยระบุว่าการเปิดเศรษฐกิจที่รวดเร็วเกินคาดของสหรัฐนั้น ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศต้องเผชิญกับความท้าทายแบบใหม่ โดยจะเห็นได้จากหลักฐานที่ตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 พุ่งขึ้นทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้

เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)

"เราได้เข้าสู่ระยะใหม่ที่มีความสำคัญ และเป็นการก้าวเข้าสู่ระยะดังกล่าวอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้ ในขณะที่กิจกรรมทางเศรษฐกิจกระเตื้องขึ้นนั้น เราก็ต้องเผชิญกับความท้าทายใหม่ๆ ด้วย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความท้าทายในการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19"

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

นายพาวเวลล์กล่าวต่อไปว่า แนวโน้มเศรษฐกิจของสหรัฐเผชิญกับความไม่แน่นอนอย่างมาก และจะขึ้นอยู่กับความสำเร็จในการควบคุมไวรัสโควิด-19 ส่วนการฟื้นตัวอย่างสมบูรณ์จะยังไม่เกิดขึ้น จนกว่าประชาชนจะมีความเชื่อมั่นต่อความปลอดภัยในการดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ และแนวโน้มในอนาคตจะขึ้นอยู่กับการดำเนินมาตรการของรัฐบาลในทุกระดับเพื่อให้การเยียวยาและสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ

 

ทางด้านนายมนูชิน รัฐมนตรีคลังได้แสดงมุมมองที่ค่อนข้างเป็นบวกว่า ขณะนี้เศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในสถานะที่แข็งแกร่งมากพอที่จะฟื้นตัวขึ้นได้อีกครั้ง เนื่องจากคณะบริหารของรัฐบาลได้ร่วมมือกับสภาคองเกรสในการผ่านกฎหมายเยียวยาเศรษฐกิจ และจัดหาสภาพคล่องให้กับตลาดในช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้

สตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ

"แม้อัตราว่างงานยังคงอยู่ในระดับสูงเป็นประวัติการณ์ แต่เราก็เห็นสัญญาณบวกเพิ่มขึ้นว่า ภาวะต่าง ๆในระบบเศรษฐกิจจะฟื้นตัวขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในไตรมาส 3 และ 4 ของปีนี้ ขณะที่อุตสาหกรรมในภาคส่วนต่าง ๆ เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างนั้น กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ส่วนอุตสาหกรรมด้านอื่น ๆ เช่น ค้าปลีกและการท่องเที่ยว คาดว่าจะเผชิญผลกระทบที่ยาวนานกว่า และอาจจะต้องได้รับความช่วยเหลือเพิ่มอีก" นายมนูชินกล่าว

ในการแถลงครั้งนี้ ทั้งนายพาวเวลล์และนายมนูชินต่างก็ให้คำมั่นว่าจะเดินหน้าพยุงเศรษฐกิจสหรัฐให้สามารถผ่านพ้นวิกฤตการณ์ด้านสาธารณสุขในครั้งนี้ไปให้ได้ โดยนายมนูชินกล่าวว่า กระทรวงการคลังและเฟดกำลังหาลู่ทางที่จะขยายโครงการเงินกู้ฉุกเฉิน 11 โครงการที่จัดตั้งขึ้นโดยเฟดให้สามารถเข้าถึงความต้องการของตลาดเป็นวงกว้าง พร้อมกับย้ำว่า โครงการเงินกู้เพิ่มเติมเพื่อเยียวยาผลกระทบโควิด-19 นั้น จำเป็นต้องผ่านการพิจารณาจากสภาคองเกรสภายใต้มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจระยะใหม่

 

ทางด้านนายพาวเวลล์ ประธานเฟด ย้ำเกี่ยวกับประเด็นดังกล่าวว่า เป้าหมายของโครงการเงินกู้ของเฟดนั้น คือการช่วยเหลือประชาชนราว 25 ล้านคนที่ตกงานในช่วงโควิด-19 ระบาด ให้สามารถกลับมาทำงานได้อีกครั้ง นอกจากนี้ เขายังเรียกร้องให้สภาคองเกรสเร่งพิจารณาความช่วยเหลือเพิ่มเติมให้กับภาคครัวเรือน บริษัทเอกชน และรัฐบาลท้องถิ่น เพื่อพยุงเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากความเสียหายในระยะยาว