สหรัฐยันหน้ากากอนามัยลดโควิด-19 ระบาดได้

15 ก.ค. 2563 | 04:49 น.
อัปเดตล่าสุด :15 ก.ค. 2563 | 11:55 น.

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค(CDC)ของสหรัฐ เผยการสวมหน้ากากอนามัยเป็นข้อกำหนดที่สำคัญอย่างมาก ในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19

ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรค (CDC) ของสหรัฐ เปิดเผยว่า การสวมหน้ากากอนามัยเป็นข้อกำหนดที่สำคัญอย่างมากในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 หลังจากผลการศึกษาบ่งชี้ว่า ช่างทำผม 2 คนในรัฐมิสซูรีซึ่งติดเชื้อไวรัสโควิด-19 และสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลานั้น ไม่ได้แพร่เชื้อให้กับลูกค้า 139 คนที่เข้ามารับบริการในร้าน

"ในสถานการณ์ที่ผู้ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อให้กับผู้อื่นได้ตั้งแต่ยังไม่แสดงอาการป่วยนั้น เราควรออกข้อกำหนดให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยในที่สาธารณะ เพื่อลดความเสี่ยงของการแพร่ระบาด และลดความรุนแรงหากไวรัสโควิด-19 กลับมาแพร่ระบาดอย่างหนักอีกครั้ง" ผลการศึกษาของ CDC ระบุ

ทั้งนี้ CDC ได้ติดตามช่างทำผม 2 คนที่ติดเชื้อโควิด-19 ในเมืองสปริงฟิลด์ รัฐมิสซูรี โดยช่างทำผมคนหนึ่งแสดงอาการป่วยเมื่อวันที่ 12 พ.ค. และยังคงทำงานจนถึงวันที่ 20 พ.ค.เมื่อได้รับทราบผลตรวจโควิด-19 เป็นบวก โดยในช่วงเวลานั้น ช่างทำผมรายนี้ได้แพร่เชื้อโควิด-19 ให้กับช่างทำผมอีกคนหนึ่งซึ่งยังคงทำงานจนถึงวันที่ 20 พ.ค.เช่นกัน แม้ว่าช่างทำผมคนที่สองนี้ได้แสดงอาการป่วยในวันที่ 15 พ.ค.

ช่างทำผมทั้ง 2 คนได้ให้บริการลูกค้าจำนวน 139 รายภายในระยะเวลา 8 วัน แต่หลังจากการติดตามผลและการสัมภาษณ์ลูกค้าเหล่านี้ ปรากฎว่า ไม่มีลูกค้าคนใดมีผลตรวจที่บ่งชี้ว่าติดเชื้อโควิด-19 และไม่มีคนใดที่แสดงอาการเกี่ยวกับปัญหาทางเดินหายใจ ซึ่งนักวิจัยของ CDC สรุปว่า มาตรการจำกัดการดำเนินธุรกิจให้อยู่ที่ 25% ทั่วรัฐ และกำหนดให้ทุกคนในร้านทำผมต้องสวมหน้ากากอนามัยนั้น สามารถช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ได้

"คำสั่งให้ทุกคนต้องสวมหน้ากากอนามัยนั้น เป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในระหว่างที่ช่างทำผมและลูกค้ามีปฏิสัมพันธ์ระหว่างกันอย่างใกล้ชิดในร้านเสริมสวย ผลการศึกษานี้แสดงให้เห็นว่า การบังคับใช้นโยบายสวมหน้ากากอนามัยเป็นวงกว้างขึ้นนั้น จะช่วยลดการติดเชื้อในที่สาธารณะ" รายงานระบุ
นักวิจัยระบุว่า ช่างทำผมทั้ง 2 คนสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยมีทั้งหน้ากากผ้าสองชั้น และหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ ในระหว่างการให้บริการลูกค้า นอกจากนี้ ลูกค้าก็สวมหน้ากากอนามัยเช่นกัน ทั้งแบบหน้ากากผ้า หน้ากากอนามัยทางการแพทย์ และหน้ากาก N95 ตลอดเวลาที่เข้ารับการบริการ

การไม่พบการแพร่เชื้อในร้านทำผมแห่งนี้ถือเป็นหลักฐานสำคัญที่แสดงให้เห็นว่า การใช้หน้ากากอนามัยและอุปกรณ์คลุมใบหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสถานที่ปิดซึ่งมีผู้คนอยู่หนาแน่นนั้น มีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการป้องกันการติดเชื้อ นอกจากนี้ นักวิจัยยังได้อ้างถึงข้อมูลการสังเกตการณ์จาก 194 ประเทศซึ่งบ่งชี้ว่า ประเทศที่ไม่มีการแนะนำให้ประชาชนสวมหน้ากากอนามัยและอุปกรณ์คลุมใบหน้านั้น มีอัตราการเสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 สูงกว่าประเทศที่มีนโยบายให้ประชาชนสวมหน้ากากอนมัย

"ผลการศึกษานี้ช่วยสนับสนุนการใช้หน้ากากอนามัยหรืออุปกรณ์คลุมใบหน้าในที่สาธารณะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมาตรการเว้นระยะห่างทางสังคมไม่ประสบความสำเร็จในการลดการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19" นักวิจัยระบุ