เบอร์ลิน, 7 ส.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.) เยนส์ ชปาห์น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของเยอรมนี ประกาศว่าผู้เดินทางมาจากพื้นที่เสี่ยงสูงทุกคนจำเป็นต้องเข้ารับการตรวจโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ (โควิด-19) ทันที่ที่เดินทางมาถึงเยอรมนี เริ่มตั้งแต่วันเสาร์ (8 ส.ค.) เป็นต้นไป
“ผมตระหนักดีว่าการกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดเสรีภาพส่วนบุคคล” ชปาห์นกล่าว อย่างไรก็ดีเขาพิจารณาแล้วว่าการแทรกแซงครั้งนี้มีความ “สมเหตุสมผล” เมื่อคำนึงถึงความรับผิดชอบต่อผู้อื่น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
“เยอรมัน”พร้อมรับมือโควิด-19 ระลอกสอง
ญี่ปุ่นไฟเขียวใช้ทุนสำรองอีกกว่า 3.3 แสนล้านสู้ภัยโควิด
อินเดียติดเชื้อโควิด-19 ทะลุ 2 ล้านราย ป่วยใหม่วันละ 5 หมื่นคน
ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 19.2 ล้านราย เสียชีวิตทะลุ 7.1 แสนราย
ชปาห์นระบุว่าเจตนารมณ์ที่อยู่เบื้องหลังการตรวจโรคโควิด-19 ให้แก่ผู้เดินทางที่มาจากพื้นที่ที่มีผู้ป่วยจำนวนมาก ก็เพื่อ “ระมัดระวังความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น”
การพิจารณาประกาศใช้ข้อบังคับดังกล่าวเริ่มขึ้นเมื่อราว 2 สัปดาห์ก่อน เมื่อจำนวนผู้ป่วยโรคโควิด-19 รายวันในเยอรมนี กลับมาพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่อวันพฤหัสบดี (6 ส.ค.) สถาบันโรเบิร์ต ค็อก (RKI) รายงานการตรวจพบผู้ป่วยรายใหม่ในประเทศมากกว่า 1,000 ราย ในช่วง 24 ชั่วโมง เป็นครั้งแรกในรอบ 3 เดือน
สถาบันฯ ระบุว่าผู้ป่วยรายใหม่ในเยอรมนี เพิ่มขึ้น 1,045 รายในวันเดียว ส่งผลให้ยอดผู้ป่วยในประเทศเมื่อวันพฤหัสบดีรวมอยู่ที่ 213,067 ราย ขณะที่ผู้เสียชีวิต เพิ่มขึ้น 7 ราย แตะที่ 9,175 ราย
ก่อนหน้านี้ รัฐในเยอรมนีแต่ละแห่งกำหนดให้ผู้เดินทางจากพื้นที่เสี่ยงสูงเข้าประเทศ ต้องเข้ารับการกักตัวเป็นเวลา 2 สัปดาห์ แต่การตรวจโควิด-19 นั้นขึ้นอยู่กับความสมัครใจ และตั้งแต่วันเสาร์ (2 ส.ค.) เป็นต้นมาโดยผู้เดินทางเข้าประเทศทุกคนสามารถเข้ารับการตรวจโรคโควิด-19 ได้โดยสมัครใจ และไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ที่ท่าอากาศยานหลายแห่งและสถานีรถไฟหลักบางแห่ง
“การตรวจโรคโควิด-19 แบบไม่เสียค่าใช้จ่ายเหล่านี้ทำให้เราพบผู้ติดเชื้อ ซึ่งมันช่วยได้มาก” ชปาห์นกล่าวปิดท้าย