โควิดทำซัมเมอร์สุดกร่อย ยุโรปกลับมาตั้งการ์ดพรึ่บ

16 ส.ค. 2563 | 20:26 น.
อัปเดตล่าสุด :17 ส.ค. 2563 | 08:21 น.

การกลับมามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกครั้งกำลังส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคยุโรป และหลายประเทศก็เริ่ม "ตั้งการ์ด" สูงขึ้น เพื่อควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโรค

 

หลายประเทศในยุโรป จำเป็นต้องยกระดับ มาตรการควบคุมและป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งเป็นมาตรการในระดับเข้มข้นกลับมาใช้อีกครั้งใน ช่วงฤดูร้อนนี้ ซึ่งรวมถึงมาตรการควบคุมการเดินทางเข้า-ออกของชาวต่างชาติ การปิดสถานบันเทิง จำกัดกิจกรรมชุมนุมเช่นเทศกาลจุดพลุ-การแสดงดอกไม้ไฟ และการออกคำสั่งสวมหน้ากากในหลายพื้นที่ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ ๆ 

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ดูเหมือนจะดีขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา กลับเลวร้ายอีกครั้ง โดยประเทศที่มีการแพร่ระบาดสูงสุด ได้แก่ อังกฤษ อิตาลี ฝรั่งเศส และสเปน มียอดผู้ป่วยที่เสียชีวิตด้วยโรคดังกล่าวจำนวนรวมกันประมาณ 140,000 คนแล้ว

การกลับมามียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มขึ้นอีกครั้งกำลังส่งผลกระทบต่อการเดินทางท่องเที่ยวในช่วงฤดูร้อนของภูมิภาคยุโรป

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า สาเหตุส่วนหนึ่งของการกลับมาแพร่ระบาดคือหลังจากที่หลายประเทศในยุโรปเริ่มผ่อนคลายมาตรการปิดเมืองและปิดสถานบริการที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต เช่น คลับ บาร์ โรงภาพยนตร์ ฯลฯ หรือเรียกรวม ๆว่า “มาตรการล็อกดาวน์” ก็เริ่มมีการชุมนุม สังสรรค์ จัดปาร์ตี้ รวมกลุ่มพบปะกันโดยคนจำนวนมาก รวมถึงการเดินทางเยี่ยมเยือนญาติมิตร-สมาชิกในครอบครัว ซึ่งมักจะมีการทักทายและร่ำลากันด้วยการกอดและจูบตามวัฒนธรรมตะวันตก แต่สิ่งที่ตามมาคือการเปิดโอกาสให้กับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ด้วยเช่นกัน

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประกาศ"กรุงปารีส"และ"มาร์แซย์" เป็นพื้นที่สีแดง   หลังโควิดระบาดหนัก

ทั่วโลกติดโควิด-19 ทะลุ 21.3 ล้านราย วันเดียวติดเชื้อเพิ่ม 2.7 แสนราย

สหรัฐคาดยอดตายจากโควิด-19 แตะ 2 แสนราย 5 ก.ย.นี้

รัสเซีย เริ่มผลิตวัคซีนโควิด-19 ล็อตแรกแล้ว

อัพเดตสถานการณ์ในฝรั่งเศส-อังกฤษ-สเปน-อิตาลี-กรีซ

การมีสถิติผู้ติดเชื้อจำนวนเพิ่มมากขึ้นใน ฝรั่งเศส ในช่วงเร็ว ๆนี้ โดยเพิ่มขึ้น 66% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา รวมทั้งการประกาศให้พื้นที่กรุงปารีสและมาร์แซย์ เป็นเขตพื้นที่เสี่ยง(ต่อการติดเชื้อโควิด-19) ทำให้รัฐบาล อังกฤษ ประกาศคุมเข้มผู้ที่เดินทางมาจากประเทศฝรั่งเศสอีกครั้งเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยกำหนดให้ผู้ที่เดินทางเข้าอังกฤษจากประเทศฝรั่งเศส ต้องเข้าสู่กระบวนการกักตัวเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน มาตรการดังกล่าวทำให้ชาวอังกฤษจำนวนหลายพันคนที่ไปท่องเที่ยวพักผ่อนในฝรั่งเศสต้องหลั่งไหลรีบกลับอังกฤษก่อนที่มาตรการนี้จะมีผลบังคับใช้ (เริ่มหลัง 04.00 น. ของวันเสาร์ที่ 15 ส.ค.)    

 

ใน สเปน ซึ่งในช่วง 14 วันที่ผ่านมา มียอดผู้ติดเชื้อใหม่ที่ได้รับการยืนยันเกือบๆ 50,000 คนซึ่งถือเป็นสถิติสูงสุดครั้งใหม่ รัฐบาลจำเป็นต้องประกาศใช้มาตรการที่เข้มงวดระดับสูงสุด ซึ่งรวมถึงการสั่งปิดสถานบันเทิงกลางคืน-ไนต์คลับทั่วประเทศอีกครั้ง บ้านพักคนชราจำกัดทั้งจำนวนผู้เข้าเยี่ยมเหลือเพียงวันละ 1 ต่อ 1 และเวลาในการเข้าเยี่ยมเหลือเพียงครั้งละ 1 ชั่วโมงเท่านั้น “เราจะขาดระเบียบวินัยไม่ได้อีกแล้ว” นายซัลวาดอร์ อิลลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขของสเปนกล่าวกับสื่อ

การติดเชื้อโควิด-19 ในสถานที่มากกว่า 200 แห่งของอิตาลี มีความเกี่ยวเนื่องกับการไปกิน-ดื่มและเต้นรำในไนต์คลับริมหาด

สถานการณ์ไม่ได้ดีไปกว่ากันใน อิตาลี ซึ่งยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่เพิ่มสูงขึ้นเช่นกัน เมืองตากอากาศหลายแห่งประกาศห้ามการจัดกิจกรรมชมดอกไม้ไฟที่ชายหาด มาตรการเหล่านี้มีขึ้นทั้งที่อีกไม่กี่วันก็จะถึงเทศกาล “เฟอรากอสโต” (Ferragosto) ซึ่งเป็นเทศกาลวันหยุดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับฤดูร้อนของอิตาลี

โดยปกติแล้วเทศกาลวันหยุดดังกล่าวชาวอิตาเลียนนิยมเดินทางท่องเที่ยวไปยังเมืองชายหาด ภูเขา หรือเดินทางท่องเที่ยวในต่างประเทศ  แต่ปีนี้สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปโดยสิ้นเชิง เช่นที่เมืองอันซิโอ นายกเทศมนตรีได้ประกาศปิดชายหาดในช่วงเวลากลางคืน ขณะที่เมืองซาน เฟลิเซ เซอร์ซิโอ มีคำสั่งให้ประชาชนสวมใส่หน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ ส่วนที่เมืองคาปรี ซึ่งเป็นเกาะที่ได้รับความนิยมในหมู่นักท่องเที่ยวอีกแห่งหนึ่ง เดิมนายกเทศมนตรีมีคำสั่งให้ชาวเมืองสวมใส่หน้ากากในที่สาธารณะเฉพาะช่วงเย็นถึงค่ำ แต่ขณะนี้ได้ขยายเวลาเป็นให้สวมหน้ากากเมื่ออยู่ในที่สาธารณะทุกเวลา เป็นต้น

กรีซห้ามร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับ เปิดบริการเกินเที่ยงคืนในหลายพื้นที่รวมทั้งในกรุงเอเธนส์

จากการตรวจพบว่า การติดเชื้อโควิด-19 ในสถานที่มากกว่า 200 แห่งของอิตาลี มีความเกี่ยวเนื่องกับการไปกิน-ดื่มและเต้นรำในไนต์คลับริมหาด ผู้ว่าการเขตมณฑลคาลาเบรีย ซึ่งอยู่ทางตอนใต้สุดของอิตาลี จึงได้สั่งปิดชั่วคราวสถานบันเทิงยามราตรีทุกแห่ง ทั้งนี้ กระทรวงสาธารณสุขอิตาลี เปิดเผยว่า มีการตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่รายวันถึง 574 คนเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (14 ส.ค.) นับเป็นยอดรายวันที่สูงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 28 พ.ค. 2563

 

ด้านประเทศกรีซ รัฐบาลแนะนำให้ผู้ที่เดินทางกลับมาจากต่างประเทศที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 สวมใส่หน้ากากทั้งขณะอยู่ในร่มและออกกลางแจ้งในที่สาธารณะเป็นเวลา 1 สัปดาห์เพื่อเฝ้าดูอาการ นอกจากนี้ ยังห้ามกิจกรรมชุมนุมเกิน 9 คนในเขตเมืองท่องเที่ยวยอดนิยม 2 แห่งซึ่งเป็นเกาะ คือเกาะปารอส และแอนทิปารอส นอกจากนี้ ยังห้ามร้านอาหาร บาร์ และไนต์คลับ เปิดบริการเกินเที่ยงคืน ในพื้นที่ส่วนใหญ่ของประเทศรวมทั้งในเขตเมืองหลวงเอเธนส์ มาตรการเหล่านี้มีขึ้นหลังกรีซมียอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายวันเพิ่มขึ้นเป็น 254 คน ซึ่งเป็นการทำสถิติรายวันสูงสุดเป็นครั้งที่สอง

 

สถานการณ์รอบโลกที่น่าจับตา

อินเดีย

ยอดผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 ในอินเดียแซงหน้าอังกฤษ ขึ้นมาเป็นอันดับ 4 ของโลกแล้วที่ระดับ 48,000 คนในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา รองจากอันดับหนึ่งคือ สหรัฐอเมริกา เสียชีวิตกว่า 167,000 คน บราซิล 105,000 คน และเม็กซิโก 55,000 คน

 

นิวซีแลนด์

รัฐบาลประกาศขยายมาตรการล็อกดาวน์ในเมืองโอ๊คแลนด์ซึ่งเป็นเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศ ไปอีก 12 วันหลังตรวจพบผู้ติดเชื้อจากภายในประเทศรายแรกในรอบ 3 เดือนกว่า ๆ (ก่อนหน้านั้น นิวซีแลนด์ไม่พบผู้ติดเชื้อรายใหม่มาเป็นเวลาติดต่อกันถึง 102 วัน) ซึ่งการตรวจพบครั้งนี้ ผู้ติดเชื้อเป็นแบบกลุ่มก้อน มีผู้เกี่ยวข้องแพร่กระจายโรคระหว่างกันราว 30 คน

 

ออสเตรเลีย

มียอดผู้เสียชีวิตรายใหม่จากโควิด-19 จำนวน 14 คน และหนึ่งในนั้นเป็นชายในวัย 20 กว่าๆ ทำให้เขาเป็นผู้เสียชีวิตด้วยโรคนี้ที่มีอายุน้อยที่สุดในออสเตรเลีย หน่วยงานสาธารณสุขแห่งรัฐวิคทอเรียซึ่งมีศูนย์กลางการแพร่ระบาดที่เมืองเมลเบิร์น เปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีผู้ติดเชื้อรายใหม่ 372 คน

 

แคนาดา

เจ้าหน้าที่สาธารณสุขในเมืองโตรอนโต ประเทศแคนาดา รายงานว่าในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีการตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ในคลับที่มีการแสดงเปลื้องผ้าแห่งหนึ่ง ทำให้ทั้งนักเที่ยวและคนทำงานที่คลับแห่งนี้ 550 คนอยู่ในกลุ่มเสี่ยงต่อการติดโควิด-19 และต้องกักตัวเองเพื่อเฝ้าดูอาการเป็นเวลา 14 วัน

 

ข้อมูลอ้างอิง

Virus flareups in Europe lead to club closings, mask orders