เคธี เคอร์ติส นักวางแผนทางการเงินจากบริษัทเคอร์ติส ไฟแนนเชียล แพลนนิง เปิดเผยว่า นักลงทุนรายย่อยไม่ควรลงทุนใน หุ้นกลุ่มบริษัทยาผู้ผลิตวัคซีน ในเวลานี้ เนื่องจากมีความเสี่ยงที่จะซื้อหุ้นในราคาที่สูงเกินไป โดยควรลงทุนในกองทุน ETF และกองทุนรวมแทน
ด้านแมทธิว ชวอตซ์ ที่ปรึกษาจากบริษัทเกรต วอเตอร์ส ไฟแนนเชียล เปิดเผยว่า ตลาดถูกออกแบบมาเพื่อให้ข้อมูลใด ๆ ที่ปรากฏออกมานั้นมีอิทธิพลต่อราคาหุ้นได้ทันที ซึ่งการซื้อหุ้นโดยดูจากข้อมูลปัจจุบันและหวังว่าในอนาคตราคาหุ้นนั้นจะสูงขึ้นจึงเป็นเรื่องอันตราย
ขณะที่อัลลัน รอธ ผู้ก่อตั้งบริษัทเวลธ์ โลจิก เปิดเผยว่า การทำกำไรจากการเลือกซื้อหุ้นเองต้องอาศัยความรู้ที่คนอื่นไม่รู้ โดยเรื่องราวที่เรายังไม่เห็นในตอนนี้จะเป็นตัวชี้ชะตาราคาหุ้น การถือหุ้นเดี่ยว ๆ จึงเสี่ยงกว่ามาก ดังนั้น ควรไปลงทุนในกองทุนดัชนีมากกว่าเพราะเป็นการถือหุ้นหลายบริษัท
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
วัคซีนโควิดคืบ ไทยเตรียมพูดคุยกับไฟเซอร์
เผยจุดเด่นวัคซีนต้านโควิด“โมเดอร์นา” ขนส่งสะดวก-จัดเก็บได้ดีในอุณหภูมิไม่ต่ำมาก
จีนเข้าร่วมโครงการเข้าถึงวัคซีนโควิด-19 อย่างเท่าเทียม
ทั้งนี้ ข่าวความคืบหน้าของการพัฒนาต้านโควิด-19 โดยบริษัทผู้พัฒนาวัคซีนในประเทศต่าง ๆ ส่ง ผลในเชิงบวกต่อตลาดหุ้นทั่วโลก ที่ถูกทุบด้วยข่าวเชิงลบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 มาเป็นเวลานาน โดยเมื่อวันที่ 9 พ.ย. ดัชนีหลักในตลาดหุ้นวอลล์สตรีทของสหรัฐ เปิดตลาดรับสัปดาห์พุ่งทะยานทุบสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ หลัง บริษัทไฟเซอร์ (Pfizer) ผู้ผลิตยารายใหญ่ของสหรัฐ ประกาศความสำเร็จในการทดสอบวัคซีนว่าได้ผลในการป้องกันโควิด-19 กว่า 90 % จุดประกายความหวังให้แก่นักลงทุนทั่วโลกที่เศรษฐกิจจะสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เร็วขึ้น
รายงานระบุว่า เพียง 5 นาทีหลังเปิดตลาดซื้อขาย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้น 5.4% มาอยู่ที่ 29,839.45 จุด โค่นสถิติสูงสุดเดิมเมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ที่ 29,551.42 จุด
ด้านดัชนี S&P 500 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 3.6% ทำสถิติสูงสุดระลอกใหม่แทนสถิติเดิมที่ทำไว้เมื่อวันที่ 2 ก.ย. และดัชนีแนสแด็ก คอมโพสิต ปรับเพิ่มขึ้นทุบสถิติเช่นกัน ก่อนที่จะปรับลดลงมาแตะที่ 11,986.12 จุด เพิ่มขึ้น 0.4%
นายรัส โมลด์ ผู้อำนวยการด้านการลงทุนของ AJ Bell กล่าวว่า ข่าววัคซีนของไฟเซอร์ เปรียบเสมือนสารอะดรีนาลีนที่กระตุ้นให้ตลาดเกิดความคึกคักมากขึ้น หลังจากผันผวนและซบเซามาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่ช่วงต้นปีเพราะวิกฤตการแพร่ระบาดของโควิด-19 ขณะที่นายเอมมานูเอล โช หัวหน้ากลยุทธ์หลักทรัพย์ประจำภูมิภาคยุโรปของธนาคารบาร์เคลย์ระบุว่า ความก้าวหน้าของวัคซีนคือจุดเปลี่ยนสำคัญในการฟื้นฟูเศรษฐกิจโลกให้แข็งแกร่งและยั่งยืนในปีหน้า (2564)
หลายประเทศได้เริ่มการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้กับกลุ่มเสี่ยงอันดับต้น ๆแล้ว เช่นที่ประเทศอังกฤษ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษจะเริ่มฉีดวัคซีนต้านโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ (ที่พัฒนาร่วมกับบริษัทไบโอเอ็นเทค ประเทศเยอรมนี) ให้กับบุคลากรการแพทย์ในโรงพยาบาล 50 แห่งทั่วประเทศเป็นลำดับแรกในวันนี้ (8 ธ.ค.) ส่วนผู้สูงวัย หรือกลุ่มคนที่อายุเกิน 80 ปี จะได้รับวัคซีนเป็นลำดับต่อไป ซึ่งอาจรวมถึงสมเด็จพระราชินีเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งราชวงศ์อังกฤษ