อังกฤษทุบสถิติ ติดเชื้อใหม่ 36,000 รายในวันเดียว ดันยอดรวมทะลุ 2.1 ล้านราย

22 ธ.ค. 2563 | 23:12 น.
อัปเดตล่าสุด :23 ธ.ค. 2563 | 06:43 น.

ขณะการเจรจาทำข้อตกลงหลัง Brexit กับอียูยังเจอทางตัน อังกฤษยังต้องเผชิญกับภาวะการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ที่แพร่กระจายไวขึ้น 70% ทำให้ยอดผู้ติดเชื้อกลับมาพุ่งขึ้นมากเป็นประวัติการณ์

 

อังกฤษ กำลังเผชิญกับ 2 ปัจจัยลบที่กระหน่ำซ้ำเติมเศรษฐกิจ ในช่วงเวลาเดียวกัน นั่นคือ ความไม่คืบหน้าของ การเจรจาทำข้อตกลงหลังแยกตัวกับอียู และ การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 กลายพันธุ์ กระทรวงสาธารณสุขอังกฤษ เปิดเผยวานนี้ (22 ธ.ค.) ว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่ จำนวน 36,804 ราย ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาด ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งขึ้นเป็น 2,110,314 ราย

 

ส่วนจำนวนผู้เสียชีวิตจากไวรัสโควิด-19 เพิ่มขึ้น 691 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตอยู่ที่ระดับ 68,307 รายทั่วประเทศ

  นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษ

รายงานดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความหวาดวิตกเกี่ยวกับ “การกลายพันธุ์” ของเชื้อไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ ซึ่งทำให้ไวรัสสายพันธุ์ใหม่มีการแพร่เชื้อได้รวดเร็วกว่าเดิมถึง 70% ผลที่ตามมาจากข่าวดังกล่าวทำให้หลายประเทศทั้งในภูมิภาคยุโรปและนอกภูมิภาค อาทิ ฝรั่งเศส เยอรมนี อิตาลี เนเธอร์แลนด์ ออสเตรีย ไอร์แลนด์ เบลเยียม อิสราเอล แคนาดา อินเดีย อิหร่าน ฮ่องกง แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ รัสเซีย และโปแลนด์ ประกาศมาตรการระงับเที่ยวบินและปิดกั้นการเดินทางช่องทางอื่น ๆไม่ให้ผู้เดินทางจากอังกฤษเข้าประเทศเป็นการชั่วคราว

 

การปิดพรมแดนและความโกลาหลที่เกิดขึ้นไม่เพียงส่งผลต่อผู้เดินทางเท่านั้น แต่ยังส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของภาคธุรกิจเอกชน เช่นกรณีของบริษัทโตโยต้า มอเตอร์ คอร์ป ที่ออกแถลงการณ์เมื่อวันอังคาร (22 ธ.ค.) ว่า บริษัทจำเป็นต้องระงับการดำเนินงานของโรงงานในอังกฤษและฝรั่งเศส เนื่องจากเผชิญปัญหาติดขัดด้านการขนส่งอันเป็นผลมาจากการปิดพรมแดนลังพบการกลายพันธุ์ของไวรัสโควิด-19 ในอังกฤษ

โรงงานผลิตเครื่องยนต์และโรงงานผลิตรถยนต์ของโตโยต้าในอังกฤษปิดทำการในวันอังคารและวันพุธ (22 , 23 ธ.ค.) ตามลำดับ ส่วนโรงงานประกอบรถยนต์ในฝรั่งเศสปิดทำการในช่วงบ่ายวันอังคาร แถลงการณ์ของโตโยต้ายังระบุด้วยว่า แม้บริษัทยังคงมีชิ้นส่วนรถยนต์อยู่ในสต็อก แต่ก็กังวลว่าการปิดพรมแดนอาจจะส่งผลกระทบต่อซัพพลายเชน

 

ทั้งนี้ รัฐบาลฝรั่งเศสประกาศปิดพรมแดนที่ติดกับอังกฤษเป็นเวลา 48 ชั่วโมงตั้งแต่ช่วงเที่ยงคืนของวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 ธ.ค.) เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับข่าวการพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ ซึ่งคำสั่งปิดพรมแดนดังกล่าวส่งผลให้เกิดการจราจรติดขัดครั้งใหญ่ที่ท่าเรือเดนเวอร์

กว่า 40 ประเทศ ตัดสินใจใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกจากอังกฤษ

สื่อต่างประเทศรายงานว่า จนถึงขณะนี้มีประเทศต่าง ๆ กว่า 40 ประเทศ ที่ได้ตัดสินใจใช้มาตรการคุมเข้มด้านการเดินทางทั้งขาเข้าและขาออกจากอังกฤษ หลังพบไวรัสโควิด-19 กลายพันธุ์ซึ่งแพร่ระบาดได้เร็วกว่าเดิมถึง 70%

 

นอกเหนือจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 แล้ว เศรษฐกิจของอังกฤษยังเผชิญปัจจัยลบจากการเจรจาทำข้อตกลงหลังการแยกตัวของอังกฤษออกจากสหภาพยุโรป หรือ เบร็กซิท (Brexit) ระหว่างอังกฤษและอียู ที่ไม่มีความคืบหน้าทำให้ส่อแววว่าอังกฤษอาจต้องออกจากอียูโดยไม่มีข้อตกลงมารองรับ (no-deal Brexit) ทั้งสองปัจจัยลบดังกล่าวส่งผลทุบค่าเงินปอนด์ของอังกฤษให้ทรุดลงเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์และยูโรเมื่อวันอังคาร (22 ธ.ค.) โดยค่าเงินปอนด์ร่วงลง 1.50% สู่ระดับ 1.332 ดอลลาร์ และอ่อนค่า 1.05% สู่ระดับ 0.916 เทียบยูโร

ทั้งนี้ การเจรจาระหว่างอังกฤษและอียูยังคงมีความขัดแย้งกันในประเด็นการประมง และการที่อียูกำหนดข้อบังคับให้มีการลงโทษอังกฤษ หากมีการละเมิดข้อตกลง

 

ผู้นำยุโรปต่างมองว่าอังกฤษกำลังต้องการจับปลา 2 มือ โดยหวังที่จะยังคงได้รับสิทธิพิเศษทางการค้าในการเข้าสู่ตลาดของอียูแม้เมื่อแยกตัวออกไปแล้ว ขณะเดียวกันก็พยายามกำหนดกฎระเบียบของตนเองมาใช้กับอียู

 

ทั้งนี้ หากอังกฤษและอียูไม่สามารถบรรลุข้อตกลงก่อนวันที่ 1 ม.ค.2564 ก็จะทำให้อังกฤษต้องแยกตัวออกจากอียูโดยไม่มีการทำข้อตกลง ซึ่งจะส่งผลให้อังกฤษต้องสูญเสียสิทธิพิเศษทางการค้ากับอียู และทำให้ทั้งสองฝ่ายต้องดำเนินการค้าภายใต้กฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลก (WTO)แทน นอกจากนี้ ภาวะ no-deal Brexit หากเกิดขึ้นจริง ก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจของอังกฤษและยุโรป และสร้างความตื่นตระหนกต่อตลาดการเงินโลกอีกด้วย

 

อย่างไรก็ตาม ล่าสุดมีข่าวจากแหล่งข่าวนักการทูตของอียูที่ระบุว่า อียูอาจจะขยายเวลาเจรจาการค้ากับอังกฤษต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้า "การเจรจายังมีความคืบหน้า โดยอังกฤษและอียูสามารถบรรลุข้อตกลงในประเด็นส่วนใหญ่ ยกเว้นในเรื่องประมงที่ทั้งสองฝ่ายยังคงมีความขัดแย้งกัน แต่อียูยังไม่ปิดประตูการเจรจากับอังกฤษ และจะยังคงทำการเจรจาเลยวันที่ 1 ม.ค." นักการทูตรายหนึ่งกล่าว

 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทั่วโลกแห่ระงับเที่ยวบินจากอังกฤษ หลังพบไวรัสโควิดกลายพันธุ์

อังกฤษ เรียกประชุมฉุกเฉิน รับมือวิกฤต “โควิดกลายพันธุ์”