การฟ้องร้อง "ติ๊กต็อก" (TikTok) ครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากนางแอนน์ ลองฟิลด์ อดีตสมาชิกคณะกรรมาธิการด้านเด็กและเยาวชนแห่ง ประเทศอังกฤษ โดยเธอระบุว่า ติ๊กต็อกดำเนิน การเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเยาวชน ระหว่างใช้แอปพลิเคชัน เช่น หมายเลขโทรศัพท์, รูปภาพ, วิดีโอ, ตำแหน่งที่อยู่ และข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล จากนั้นได้ ขายข้อมูล เหล่านี้ให้กับบุคคลที่สามซึ่งไม่เปิดเผยตัวตน
"เราคิดว่าทั้งผู้ปกครองและเยาวชนจะรู้สึกตกใจเป็นอย่างมาก เรื่องนี้น่ากังวลยิ่งขึ้นเมื่อคำนึงถึงผู้ใช้แอปโซเชียลมีเดียนี้จำนวนมากที่เป็นกลุ่มครอบครัวและเยาวชนยุคใหม่ จากข้อมูลของ Ofcom ในกลุ่มเยาวชนอายุ 8-12 ปี มีการใช้งานแอปฯ ติ๊กต็อกสูงถึง 44% และเราคาดว่ามีเยาวชนราว 3.5 ล้านคนในอังกฤษที่ถูกละเมิดข้อมูลส่วนบุคคล และยังมีอีกจำนวนมากในประเทศอื่นๆ ในยุโรป" นางลองฟีลด์กล่าว
ทั้งนี้ ในสำนวนคดีระบุว่า ติ๊กต็อกทำการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเยาวชนโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างถูกต้อง (กรณีเยาวชนยังไม่บรรลุนิติภาวะจะต้องได้รับการยินยอมจากผู้ปกครอง) และไม่มีความโปร่งใส โดยนายทอม เซาธ์เวลล์ ทนายความจากสำนักกฎหมาย Scott + Scott และตัวแทนฝ่ายโจทก์ในการฟ้องร้องครั้งนี้ระบุว่า การกระทำดังกล่าวเป็นการละเมิดกฎหมายคุ้มครองข้อมูลของอังกฤษและสหภาพยุโรป (อียู) อย่างร้ายแรง
เหตุการณ์นี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่นโยบายการเก็บข้อมูลของติ๊กต็อกทำให้เกิดปัญหา โดยในปี 2562 ติ๊กต็อกซึ่งเป็นของบริษัทไบต์แดนซ์ สัญชาติจีน นั้นได้ถูกคณะกรรมาธิการการค้าของรัฐบาลกลางสหรัฐอเมริกา (FTC) บังคับปรับเป็นเงินจำนวน 5.7 ล้านดอลลาร์มาแล้ว จากข้อกล่าวหาว่ามีการเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของเยาวชนโดยผิดกฎหมาย
นอกจากนี้ แอปฯ ติ๊กต็อกยังได้ถูกระงับการใช้งานชั่วคราวในอินเดียด้วยเหตุผลว่าแอปฯ ดังกล่าวนั้น "ทำให้วัฒนธรรมเสื่อมทรามลงและสนับสนุนให้เกิดการเผยแพร่สื่อลามกอนาจาร" และได้หยุดให้บริการในอินเดียในเวลาต่อมา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง