คณะกรรมาธิการยุโรป ซึ่งเป็นองค์กรบริหารของ สหภาพยุโรป (อียู) แถลงวานนี้ (26 เม.ย.) ว่า ได้ดำเนินการ ฟ้องร้อง ต่อ บริษัท แอสตร้าเซนเนก้า แล้ว เนื่องจากทางบริษัทได้ละเมิดสัญญาในการส่งมอบ วัคซีนโควิด-19 ให้กับอียู ทั้งยังไม่มีแผนการที่น่าเชื่อถือในการส่งมอบวัคซีนให้ตรงเวลา
โฆษกของคณะกรรมาธิการยุโรประบุว่า ได้เริ่มดำเนินคดีต่อบริษัทแอสตร้าเซนเนก้าเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (23 เม.ย.) โดยชาติสมาชิกในยุโรปทั้ง 27 ประเทศต่างสนับสนุนการดำเนินคดีทางกฎหมายต่อแอสตร้าเซนเนก้า
ทั้งนี้ เมื่อเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา นางเออร์ซูลา ฟอน เดอร์ เลเยน ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ได้ออกมาแสดงความไม่พอใจที่แอสตร้าเซนเนก้า ผลิตวัคซีนและส่งมอบให้อียูในปริมาณต่ำกว่าที่สัญญาระบุไว้ ทำให้กระทบต่อโครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของประเทศสมาชิกอียู ทั้งในไตรมาส 1 และไตรมาส 2 นอกจากนี้ ยังส่งผลให้อียู ต้องลดเป้าการได้รับวัคซีนจากแอสตร้าเซนเนก้าเหลือเพียง 70 ล้านโดสในไตรมาส 2 จากเดิมที่ตั้งเป้าไว้ว่าจะได้รับที่ระดับ 180 ล้านโดส
นางฟอน เดอร์ เลเยน กล่าวว่า บริษัทผู้ผลิตวัคซีนจะต้อง "รักษาคำพูด" เกี่ยวกับการส่งมอบวัคซีนให้แก่อียู
"ยุโรปได้ลงทุนหลายพันล้านดอลลาร์เพื่อช่วยพัฒนาวัคซีนต้านโควิด-19 ครั้งแรกของโลก และเพื่อสร้างสินค้าสาธารณะสำหรับโลกอย่างแท้จริง และตอนนี้บริษัทจะต้องส่งมอบวัคซีนให้ได้ตามข้อผูกพันที่ทำไว้" ประธานคณะกรรมาธิการยุโรป กล่าวในที่สุด
ทางด้านแอสตร้าเซนเนก้าได้เคยแถลงไว้ในช่วงต้นปีนี้ว่า วัคซีนโควิด-19 ที่ทางบริษัทพัฒนาร่วมกับมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด จะมีการส่งมอบไปยังอียูในปริมาณ "ต่ำกว่าเป้าหมาย" จนถึงปลายเดือนมี.ค. อันเนื่องมาจากปัญหาด้านการผลิต โดยจะมีการลดปริมาณการส่งมอบวัคซีนลง 60% เหลือเพียง 31 ล้านโดส
ข่าวที่เกี่ยวข้อง