รัฐบาลแคนาดา ประกาศวานนี้ (12 ก.ค.) พร้อมที่จะ บริจาควัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ของบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 17.7 ล้านโดสให้แก่ประเทศที่มีรายได้ต่ำและปานกลางโดยจะบริจาคผ่าน โครงการ COVAX ที่ได้รับความสนับสนุนโดย องค์การอนามัยโลก (WHO)
นางแครินา กูลด์ รัฐมนตรีกระทรวงการพัฒนาระหว่างประเทศ และนางอานิตา อนันด์ รัฐมนตรีกระทรวงการจัดซื้อของแคนาดา แถลงต่อสื่อมวลชนว่า การบริจาควัคซีนเป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงการสั่งซื้อล่วงหน้าของรัฐบาลแคนาดา ที่ทำไว้กับบริษัทแอสตร้าเซนเนก้า โดยวัคซีนทั้งหมดที่จะบริจาคนั้น จะทำผ่านโครงการ COVAX ซึ่งเป็นความริเริ่มระดับโลก มีเป้าหมายเพื่อจัดสรรวัคซีนต้านโควิดกระจายให้แก่ประเทศต่าง ๆ อย่างเท่าเทียม เป็นโครงการที่ได้รับความร่วมมือจากองค์การอนามัยโลก (WHO) กลุ่มพันธมิตรความร่วมมือด้านนวัตกรรมเพื่อรับมือโรคระบาด (CEPI) และองค์กรกาวี (GAVI) ซึ่งเป็นกลุ่มพันธมิตรด้านวัคซีน
โครงการดังกล่าวรวบรวมเงินทุนจากประเทศที่ร่ำรวยเพื่อจัดหาวัคซีนให้ประเทศรายได้ต่ำ-รายได้ปานกลาง และเป็นการรับรองว่าประเทศเหล่านั้นจะสามารถเข้าถึงวัคซีนได้เช่นกัน การประกาศบริจาควัคซีนของแคนาดาครั้งนี้ เป็นปริมาณเพิ่มเติมจากครั้งก่อนที่มีมูลค่าถึง 440 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 350 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ซึ่งรัฐบาลกลางได้ให้คำมั่นสัญญากับทาง COVAX ไว้แล้ว
รัฐมนตรีของแคนาดาเปิดเผยว่า การบริจาคดังกล่าวเป็นผลมาจากแนวทางเชิงรุกของแคนาดาในการจัดหาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 หลายร้อยล้านโดสให้กับประชาชนในสัญญาแรกเริ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีจำนวนวัคซีนเกือบ 55 ล้านโดสในแคนาดา และอุปสงค์ภายในประเทศก็ได้รับการตอบสนองอย่างเพียงพอ ทำให้มีวัคซีนที่จะสามารถบริจาคได้เป็นจำนวนมาก
รัฐบาลแคนาดายังได้ประกาศร่วมมือกับองค์การยูนิเซฟ (UNICEF) ในการรณรงค์เพื่อส่งเสริมให้ชาวแคนาดาบริจาควัคซีนด้วยการบริจาคเงิน 10 ดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 8 ดอลลาร์สหรัฐ)
รายงานระบุว่า เงินบริจาคทั้งหมดของชาวแคนาดาจะถูกสมทบโดยรัฐบาลกลาง ซึ่งสูงสุดไม่เกิน 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ประมาณ 8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) โดยโครงการนี้จะดำเนินไปจนถึงวันที่ 6 ก.ย.
เป็นที่คาดหมายว่า หากโครงการแคนาดาระดมทุนซื้อวัคซีนผ่านแคมเปญของยูนิเซฟบรรลุผลสูงสุด ก็จะได้เงินเพียงพอที่จะฉีดวัคซีนให้กับประชาชน 4 ล้านคนในประเทศที่กำลังเผชิญกับปัญหาขาดแคลนวัคซีน
ทั้งนี้ ปัจจุบัน 79% ของประชากรวัยผู้ใหญ่ของแคนาดาได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็ม และมี 55% ที่ได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว รัฐบาลกลางยังคงสำรองปริมาณวัคซีนของไฟเซอร์และโมเดอร์นาไว้ 3 ล้านโดสสำหรับใช้ภายในประเทศ ส่วนแอสตร้าเซนเนก้านั้นมีเพียงพอแล้วและพร้อมที่จะบริจาคออกไป โดยโรงงานที่ผลิตวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าป้อนให้กับแคนาดา ตั้งอยู่ในสหรัฐอเมริกา การส่งมอบเพื่อบริจาคเข้าโครงการของ COVAX จะเริ่มขึ้นในไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า
ไขข้อสงสัยทำไมเลือกบริจาคแอสตร้าเซนเนก้า
อย่างไรก็ตาม การบริจาควัคซีนให้ต่างประเทศของรัฐบาลแคนาดา ตกเป็นเป้าวิพากษ์วิจารณ์ของพรรคการเมืองฝ่ายค้าน โดยพวกเขาระบุว่า แคนาดาไม่ควรส่งมอบวัคซีนที่รัฐบาลไม่แนะนำให้ประชาชนแคนาดาเองฉีด ไปให้กับประชาชนประเทศอื่น ๆ และควรจะต้องประกาศชัดเจนว่า พวกเขามองวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าอย่างไร และมีความเชื่อมั่นในประสิทธิภาพของวัคซีนยี่ห้อนี้ทัดเทียมกับยี่ห้ออื่น ๆหรือไม่ และเพราะเหตุใดถึงเลือกที่จะบริจาควัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าแทนที่จะเป็นยี่ห้ออื่นที่มีอยู่
ด้านกระทรวงสาธารณสุขแคนาดาและคณะกรรมการที่ปรึกษาแห่งชาติในโครงการฉีดวัคซีน ได้ออกมาตอบโต้กระทู้คำถามดังกล่าว โดยระบุว่า ทั้งวัคซีนของไฟเซอร์ โมเดอร์นา และแอสตร้าเซนเนก้า ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานสาธารณสุขของแคนาดาแล้ว แต่ 2 ยี่ห้อแรกซึ่งเป็นวัคซีนประเภท mRNA (ผลิตจากสารพันธุกรรมของไวรัส) เป็นที่นิยมจากประชาชนมากกว่าวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า ซึ่งเป็นวัคซีนชนิดไวรัล เวคเตอร์ (ใช้ไวรัสเป็นพาหะ) เนื่องจากมีข่าวเกี่ยวกับผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์จากการฉีดวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ทำให้เกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในบางคนซึ่งทำให้ถึงแก่ชีวิตได้
สธ.แคนาดายืนยันว่า วัคซีนแอสตร้าเซนเนก้านั้นเมื่อฉีดครบ 2 เข็มโดยเว้นระยะการฉีดห่างกัน 12 สัปดาห์ สามารถสร้างภูมิต้านทานโควิด-19 ได้ถึง 81.6% ภายในเวลา 2 สัปดาห์หลังฉีดเข็มที่สอง