นายไครี จามาลุดดิน รัฐมนตรีวิทยาศาสตร์ของมาเลเซีย กล่าวในการแถลงข่าวช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ปฏิเสธข่าวที่ออกมาช่วงก่อนหน้านี้ว่า มาเลเซีย มีแผนยกเลิกการใช้ วัคซีนต้านโควิด-19 ของ บริษัทซิโนแวค เนื่องจากมีความกังวลในเรื่องประสิทธิภาพของวัคซีนนั้น ไม่เป็นความจริง เขายืนกรานว่า หากรัฐบาลจะยุติการใช้ วัคซีนซิโนแวค ก็ไม่เกี่ยวกับประสิทธิภาพของวัคซีน เรื่องดังกล่าวเป็นการคาดเดากันไปเอง เพราะที่จริง เป็นเพราะมาเลเซียได้รับวัคซีนซิโนแวคครบทั้งล็อตตามที่สั่งไว้ 12 ล้านโดสภายในวันที่ 21 ก.ค.นี้แล้ว
นอกจากนี้ ยังเปิดเผยว่า เนื่องจากยังมีความต้องการใช้วัคซีนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลมาเลเซียกำลังสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มอีก 3 ล้านโดส ซึ่งจะมีการส่งมอบภายในปลายเดือนก.ค.นี้ หรือต้นเดือนส.ค.
“รัฐบาลจะยังคงจัดเตรียมวัคซีนซิโนแวคไว้สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงจากอาการภูมิแพ้ ขณะที่ภาคเอกชนก็ยังคงสั่งซื้อวัคซีนได้อยู่” นายจามาลุดดิน ซึ่งเป็นรัฐมนตรีวิทยาศาตร์ของมาเลเซียกล่าว นอกจากนี้ เขายังเปิดเผยว่า รัฐบาลมาเลเซียจะจัดการเจรจาทวิภาคีกับรัฐบาลไทยเพื่อขอความมั่นใจว่าจะไม่เกิดปัญหาต่อการจัดส่งวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่มีการผลิตในประเทศไทย มอบให้กับมาเลเซียตรงเวลา เพราะหากมีปัญหาขาดแคลนวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้า มาเลเซียจะพิจารณาเพิ่มปริมาณวัคซีนซิโนแวคของจีน
การแถลงของเขาครั้งนี้ มีขึ้นหลังจากที่กระทรวงสาธารณสุขของมาเลเซียแถลงก่อนหน้าเพียงวันเดียวว่า มาเลเซียจะยุติการฉีดวัคซีนซิโนแวคให้แก่ประชาชนแล้ว ทันทีที่สต็อกวัคซีนที่มีอยู่ในปัจจุบันหมดลง โดยนายอัดฮาม บาบา รมว.สาธารณสุข ประกาศครั้งนั้นว่า นับจากนี้ไป โครงการฉีดวัคซีนโควิด-19 ของมาเลเซียจะใช้ วัคซีนของบริษัทไฟเซอร์ เป็นหลัก พร้อมระบุว่า มาเลเซียได้สั่งซื้อวัคซีนของไฟเซอร์จำนวน 45 ล้านโดส ซึ่งเพียงพอสำหรับประชากร 70% ของประเทศ
สถิติล่าสุด ( ณ พุธที่ 21 ก.ค.) พบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิดรายวันของมาเลเซียในรอบ 24 ชั่วโมงพุ่งขึ้น 11,985 ราย ทำให้ยอดติดเชื้อสะสมทั่วประเทศแตะระดับ 951,884 ราย ส่วนยอดผู้เสียชีวิตรายวันเพิ่ม 199 ราย เป็นยอดเสียชีวิตสะสม 7,440 ราย
มาเลเซียเป็นประเทศที่มียอดผู้ติดเชื้อโควิดสะสมมากที่สุดเป็นอันดับ 31 ของโลก ส่วนไทยอยู่ในอันดับที่ 51 (ยอดติดเชื้อสะสม 439,477 ราย) ขณะที่อินโดนีเซียทำสถิติผู้ติดเชื้อโควิดสูงที่สุดในอาเซียนที่ 2,983,830 รายและเป็นอันดับที่ 14 ของโลก