นายทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ของ องค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่า โลกกำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของ การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการเสียชีวิตระลอกใหม่
ในระหว่างการประชุมทางออนไลน์กับสมาชิกคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ในกรุงโตเกียวเมื่อวันที่ 21 ก.ค.ที่ผ่านมา นายทีโดรสกล่าวว่า ความล้มเหลวทั่วโลกในการจัดสรรวัคซีน การตรวจหาเชื้อ และการรักษา ได้ส่งผลให้เกิด การแพร่ระบาดแบบ 2 ทาง ที่เรียกว่า two-track pandemic โดย
“ความแตกต่างในด้านการฉีดวัคซีนทั่วโลกเป็นฉากหน้าของความอยุติธรรมอันน่าสยดสยอง” นายทีโดรสกล่าวเพิ่มเติมว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียงการกระทำที่ผิดศีลธรรมร้ายแรง แต่ยังเป็นการทำร้ายตนเองทั้งในทางระบาดวิทยาและทางเศรษฐกิจด้วย ยิ่งมีการแพร่ระบาดยาวนานขึ้นเท่าใด ความวุ่นวายทางเศรษฐกิจและสังคมก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
"โรคระบาดคือแบบทดสอบ และประชาคมโลกกำลังสอบตก" นายทีโดรสระบุ และเตือนว่า ขณะนี้เป็นเวลา 19 เดือนหลังเกิดการแพร่ระบาดครั้งแรก และ 7 เดือนนับตั้งแต่วัคซีนตัวแรกได้รับการอนุมัติ และโลกอยู่ในระยะเริ่มต้นของการแพร่ระบาดและการเสียชีวิตระลอกใหม่ เขาเสริมว่า ภัยคุกคามจากการแพร่ระบาดทั่วโลกจะยังคงอยู่ จนกว่าทุกประเทศจะสามารถจัดการกับโรคโควิด-19 ได้
อย่างไรก็ตาม เขากล่าวยกตัวอย่างว่า การแข่งขันโอลิมปิกที่ถูกเลื่อนการจัดจากปี 2020 มาเป็นปีนี้ นับเป็นการเฉลิมฉลองบางสิ่งบางอย่างที่โลกจำเป็นต้องมีอย่างยิ่งในขณะนี้ นั่นก็คือ ความหวัง “ถึงแม้ว่าการแพร่ระบาดของโควิด-19 จะทำให้การแข่งขันต้องถูกเลื่อนมาเป็นปีนี้ แต่มันจะไม่สามารถเอาชนะเราได้”
นายทีโดรสกล่าวว่า ในอดีตที่ผ่านมานั้น กีฬาโอลิมปิกคือสัญลักษณ์ของสันติภาพและความเป็นหนึ่งเดียวกันของมนุษยชาติแม้ว่าแต่ละประเทศจะมีความแตกต่าง แต่ในการจัดแข่งขันปีนี้ กีฬาโอลิมปิกจะเป็นตัวอย่างที่ทำให้โลกเห็นว่า มนุษย์สามารถต่อสู้กับไวรัสร้ายได้ด้วยแนวทางปฏิบัติและมาตรการที่รัดกุมแม้ท่ามกลางบริบทที่เลวร้ายที่สุด
“มากกว่าครั้งก่อนใดที่เคยมีมา โอลิมปิกครั้งนี้จะทำให้โลกร่วมแรงร่วมใจ สร้างแรงบันดาลใจ และแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่เป็นไปได้” เขากล่าวว่า ความสำเร็จของโอลิมปิกไม่ใช่การควบคุมไม่ให้เกิดการติดเชื้อขึ้นเลยในช่วงที่มีการแข่งขัน แต่ความสำเร็จอยู่ที่การตรวจพบทุกๆการติดเชื้อ แยกกักตัว ตามหาผู้เสี่ยงสัมผัส และดูแลรักษาได้อย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ทำให้ไม่เกิดการแพร่ระบาดต่อไปเป็นวงกว้าง “นี่คือสิ่งที่บ่งบอกถึงความสำเร็จ” ซึ่งนายทีโดรสกล่าวว่า ไม่ใช่เฉพาะในโอลิมปิกเท่านั้น แต่หมายถึงหากทำเช่นนี้ได้ก็เป็น “ความสำเร็จ” ของทุกๆ ประเทศ
ในส่วนของความเหลื่อมล้ำของแต่ละประเทศในการเข้าถึงวัคซีนป้องกันโควิด-19 นั้น เขากล่าวว่าเป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไข และประเทศร่ำรวยก็ควรยื่นมือเข้าร่วมแบ่งปัน ปัจจุบัน 75% ของวัคซีนที่มีการฉีดแล้วทั่วโลก หรือกว่า 3,500 ล้านโดสนั้นกระจุกอยู่ใน 10 ประเทศ ขณะที่ประชากรของประเทศยากจนที่ได้รับวัคซีนแล้วอย่างน้อย 1 เข็มนั้นมีแค่เพียง 1%
“วัคซีนคือเครื่องมือที่จำเป็นและทรงพลัง แต่โลกยังกระจายวัคซีนได้ไม่ดี แทนที่จะมีการฉีดอย่างแพร่หลายและทั่วถึง กลับกระจุกอยู่ที่คนส่วนหนึ่งที่ถือเป็นผู้โชคดี”
ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้เรียกร้องให้นานาประเทศเร่งมือโครงการฉีดวัคซีนโดยขอให้ฉีดวัคซีนแก่ประชาชนให้ครอบคลุมอย่างน้อย 70% ของประชากรในประเทศภายในกลางปีหน้า “โรคระบาดนี้จะยุติลงได้ถ้าโลกเลือกที่จะร่วมกันยุติมัน ชะตานี้อยู่ในกำมือของเรา” ด้วยเหตุนี้ เขาจึงขอให้ประเทศพัฒนาแล้วเพิ่มความพยายามในการบริจาคและแบ่งปัน ทั้งวัคซีนและความช่วยเหลือทางการเงิน เพื่อให้ประเทศอื่นๆ สามารถเข้าถึงวัคซีนได้มากขึ้น และมีการขยายกำลังการผลิตวัคซีนให้มากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน