โกลบอลไทม์ส สื่อใหญ่ของรัฐบาลจีน รายงานว่า ทำเนียบบริษัทชั้นนำ Fortune Global 500 ปีนี้ ซึ่งเป็นการจัดอันดับทำเนียบบริษัทที่ทำรายได้สูงที่สุด 500 อันดับแรกของโลก พบว่า บริษัทจีนครองแชมป์เข้าทำเนียบมากเป็นอันดับ 1 ติดต่อกันมา 2 ปีแล้ว โดยมีจำนวนบริษัทจีนบนแผ่นดินใหญ่ รวมทั้งบริษัทในเขตบริหารพิเศษฮ่องกงและไต้หวัน ติดเข้าทำเนียบจำนวนรวม 143 บริษัท ส่วนประเทศที่มีบริษัทเข้าทำเนียบ Fortune Global 500 มากเป็นอันดับสองรองจากจีน คือ สหรัฐอเมริกา 122 บริษัท
ในรายชื่อของ Fortune Global 500 ปีนี้ที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์ (2 ส.ค.) พบว่า บริษัทบนแผ่นดินใหญ่ของจีนและเขตบริหารพิเศษฮ่องกงมีทั้งหมด 135 บริษัท เพิ่มขึ้น 11 บริษัทจากปีที่แล้ว นอกนั้นเป็นบริษัทไต้หวัน 8 บริษัท ขณะที่สหรัฐฯ ปีนี้มีบริษัทเข้าทำเนียบ 122 บริษัท เพิ่มขึ้นเพียง 1 บริษัทเมื่อเทียบกับปี 2020 ขณะที่ญี่ปุ่นยังคงทรงตัวที่อันดับสาม มีบริษัทเข้าทำเนียบ 53 ราย เท่ากับปีที่แล้ว
ทั้งนี้ Fortune Global 500 เป็นการจัดอันดับประจำปีของบริษัทชั้นนำ 500 อันดับแรกทั่วโลกโดยวัดจากรายได้ของธุรกิจ บริษัทจีนเข้าทำเนียบจำนวนมากที่สุดมาตั้งแต่ปีที่แล้ว (2020) ซึ่งเป็นปีแรกที่จีนสามารถโค่นแชมป์เก่าอย่างสหรัฐลงได้ โดยในปีนั้นมีบริษัทจีนเข้าทำเนียบ Fortune Global 500 จำนวน 133 บริษัท
สำหรับ บริษัทที่ทำรายได้มากเป็นอันดับ 1 ใน Fortune Global 500 ปีนี้ คือ วอลมาร์ท (Walmart) ของสหรัฐครองตำแหน่งสูงสุดเป็นปีที่แปดติดต่อกันและเป็นครั้งที่ 16 ตั้งแต่ปี 1995
ขณะที่บริษัทของจีนที่อยู่ใน 10 อันดับแรก มี 3 บริษัท คือ บริษัท สเตท กริด (State Grid Co.) เข้าทำเนียบมาเป็นอันดับสอง ตามด้วยบริษัทไชน่า เนชั่นแนล ปิโตรเลียม (China National Petroleum) อันดับสี่ และบริษัท ซิโนเปค (Sinopec Group) อันดับห้า
ส่วนยักษ์ใหญ่ของจีนรายอื่น ๆ อาทิ หัวเว่ย ( Huawei) ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยี เข้าทำเนียบเป็นอันดับที่ 44 ทำได้ดีกว่าปีก่อนที่อยู่ในอันดับ 49 แม้ว่ารัฐบาลสหรัฐจะคว่ำบาตรและกดดันบริษัทหลายรูปแบบ ทางด้านเสียวหมี่ (Xiaomi Group) จัดอยู่ในกลุ่มธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องกับอินเทอร์เน็ต เป็นบริษัทที่ขยับขั้นของอันดับได้มากที่สุด คือขยับขึ้นถึง 84 อันดับ ส่วนบริษัทจีนรายอื่น ๆในกลุ่มนี้ที่เข้าทำเนียบ Fortune Global 500 มาด้วยกันได้แก่ เจดีดอตคอม อาลีบาบา กรุ๊ป และเทนเซ็นต์ โฮลดิ้งส์
รายงานระบุว่า ปีนี้ทำเนียบ Fortune Global 500 มีบริษัทเข้าใหม่ครั้งแรกและบริษัทที่กลับเข้ามาใหม่จำนวนรวม 45 บริษัท โดยในจำนวนนี้ 18 บริษัทมาจากจีน ซึ่งรวมถึงบริษัท ไชน่า สเตท ชิปบิลดิ้ง คอร์ป. (China State Shipbuilding Corp) บริษัท เจ้อเจียง หรงเฉิง โฮลดิ้ง กรุ๊ป (Zhejiang Rongsheng Holding Group) บริษัท เจ้อเจียง เหิงอี้ กรุ๊ป (Zhejiang Hengyi Group) และบริษัท ซันแอค ไชน่า โฮลดิ้ง (Sunac China Holding)
แม้ว่าการระบาดของโควิด-19 ในปี 2020 จะสร้างปัญหาในการดำเนินธุรกิจ แต่รายได้และกำไรเฉลี่ยของบริษัทจีนโดยทั่วไปไม่เปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า และในเวลาเดียวกัน เนื่องจากการฟื้นตัวอย่างรวดเร็วจากโรคระบาดโควิด-19 บริษัทจีนที่เข้าสู่การจัดอันดับปี 2021 ไม่เพียงแต่ขยายความได้เปรียบในจำนวนทั้งหมด แต่ยังปรับปรุงสภาพธุรกิจของพวกตนด้วย การเติบโตของการค้าระหว่างประเทศได้ส่งเสริมการฟื้นตัวและพัฒนาการที่มั่นคงในการดำเนินงานของบริษัทจีน
ทั้งนี้ รายได้โดยรวมจากการดำเนินงานของ 500 บริษัทในทำเนียบ Fortune Global 500 ปีนี้ อยู่ที่ประมาณ 31.7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งลดลง 5% จากปีที่แล้ว และกำไรสุทธิรวมอยู่ที่ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์ ลดลง 20% เมื่อเทียบเป็นรายปี นับเป็นการลดลงมากที่สุดนับตั้งแต่ปี 2009 เป็นต้นมา
ส่วนบริษัทที่ทำกำไรมากที่สุดในทำเนียบ Fortune Global 500 ปีนี้ คือบริษัท แอปเปิล อิงค์ ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐ มีกำไรสุทธิ 57,000 ล้านดอลลาร์
Apple ยักษ์ใหญ่ด้านเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ทำกำไรได้ 5.7 หมื่นล้านดอลลาร์ และเป็นบริษัทที่ทำกำไรได้มากที่สุดของ Fortune Global 500 ส่วนกำไรเฉลี่ยของบริษัทจีนแผ่นดินใหญ่ 135 แห่ง (รวมถึงฮ่องกง) อยู่ที่ประมาณ 3.54 พันล้านดอลลาร์
ดูบริษัททั้งหมดในทำเนียบ Fortune Global 500 ปี 2021 คลิกที่นี่
ข้อมูลอ้างอิง
143 Chinese companies listed on Fortune Global 500
China tops Fortune Global 500 list again with 143 companies
Fortune Global 500 2021 | Full list of rankings | Fortune