“ซิดนีย์” ขยายเวลาล็อกดาวน์ดับเครื่องชนโควิดเดลต้า

07 ส.ค. 2564 | 19:25 น.
อัปเดตล่าสุด :08 ส.ค. 2564 | 02:41 น.

ทางการออสเตรเลียประกาศให้ประชาชนในนครซิดนีย์เตรียมรับมือกับยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่จะพุ่งสูงขึ้น หลังพบผู้ติดเชื้อรายวันทำสถิติสูงสุดสองวันต่อเนื่อง แม้จะบังคับใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัสสายพันธุ์เดลต้ามาหลายสัปดาห์แล้วก็ตาม

นครซิดนีย์ เมืองหลวงของรัฐนิวเซาท์เวลส์ ซึ่งเป็นเมืองที่มีประชากรมากที่สุดใน ออสเตรเลีย พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 เพิ่มอีก 279 รายในรอบ 24 ชั่วโมงเมื่อวันศุกร์ ซึ่งเป็นการทำสถิตินิวไฮอีกครั้งหลังจากที่เมื่อวันพฤหัสฯ (5 ส.ค.) พุ่งขึ้นที่ระดับ 259 ราย ขณะที่รัฐนิวเซาท์เวลส์พบผู้ติดเชื้อรวมทั้งสิ้น 291 ราย ซึ่งสูงเป็นประวัติการณ์เช่นเดียวกัน และมีผู้เสียชีวิตจากโควิดเพิ่ม 1 ราย ส่งผลให้ยอดรวมผู้เสียชีวิตจากการระบาดรอบล่าสุดอยู่ที่ 22 ราย โดยทั้งหมดอยู่ในซิดนีย์

“ซิดนีย์” ขยายเวลาล็อกดาวน์ดับเครื่องชนโควิดเดลต้า

แกลดิส เบรีจิเกลียน ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์ ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวท้องถิ่นในนครซิดนีย์ว่า เมื่อพิจารณาจากแนวโน้มในช่วงไม่กี่วันมานี้และในอนาคต เธอคิดว่ายอดผู้ติดเชื้อจะเพิ่มสูงขึ้นในอีกไม่กี่วัน และขอให้ทุกคนเตรียมรับมือสถานการณ์หลังจากนี้

 

หนึ่งในข้อกังวลสำคัญยังมาจากการที่ผู้ติดเชื้อโควิดสายพันธุ์เดลต้าซึ่งมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นยังคงเดินทางไปมาในชุมชน โดยเฉพาะในย่านชานเมืองฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ของซิดนีย์ รายงานยังระบุว่า ผู้ติดเชื้อราว 1 ใน 5 ที่รายงานเมื่อสุดสัปดาห์ พวกเขายังออกไปนอกบ้านขณะติดเชื้อโควิด

“ซิดนีย์” ขยายเวลาล็อกดาวน์ดับเครื่องชนโควิดเดลต้า

ในขณะนี้ ประชาชนออสเตรเลียกว่า 60% จาก 25 ล้านคนจะเข้าสู่มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวดขึ้น เพื่อสกัดการระบาดของโควิด-19 รอบล่าสุด รวมถึงเมืองใหญ่สุดทั้ง 3 แห่ง ได้แก่ ซิดนีย์ เมลเบิร์น และบริสเบน

 

อย่างไรก็ดี มาตรการล็อกดาวน์ที่ประกาศใช้มาหลายครั้ง รวมถึงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้านั้นส่งผลให้ประชาชนไม่พอใจ ปัจจุบันมีประชากรออสเตรเลียที่อายุ 16 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนครบสองโดสแล้ว 21% เท่านั้น

 

ด้านนายสก็อตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ซึ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์จากโครงการฉีดวัคซีนที่ล่าช้า ระบุว่าสาเหตุนั้นเป็นเพราะการเปลี่ยนแปลงคำแนะนำทางการแพทย์ เนื่องจากข้อกังวลเกี่ยวกับการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันจากวัคซีนแอสตร้าเซนเนก้าที่ผลิตในออสเตรเลีย และวัคซีนของไฟเซอร์ที่มีไม่เพียงพอ

 

สถานการณ์การแพร่ระบาดที่มีไวรัสเดลต้าเป็นสายพันธุ์หลักเป็นเหมือนบททดสอบการรับมือวิกฤติโควิด-19 ของออสเตรเลียซึ่งเคยทำสำเร็จมาแล้ว ปัจจุบัน ออสเตรเลียมีผู้ติดเชื้อโควิด-19 สะสมราว 35,600 ราย และเสียชีวิตจากโควิดรวม 933 รายทั่วประเทศ

 

สิ่งหนึ่งที่น่าวิตกก็คือ แพทย์ผู้เชี่ยวชาญส่วนหนึ่งมองว่า แม้จะมีมาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นแต่ก็ยังน่าสงสัยว่า จะสามารถทำให้ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ลดลงได้ก่อนสิ้นเดือนส.ค.นี้หรือไม่ นพ.โอมาร์ คอร์ชิด ประธานสมาคมแพทยศาสตร์ออสเตรเลีย (AMA) ให้ความเห็นว่า หากยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในรัฐนิวเซาท์เวลส์ไม่เริ่มปรับลดลงภายในสิ้นเดือนนี้ รัฐบาลก็คงต้องกลับเป็นระดมความคิดทบทวนแผนการอีกครั้งว่าจะยกระดับมาตรการควบคุมให้เข้มงวดมากขึ้นอย่างไร

 

ในส่วนของ AMA เองนั้นได้ให้คำแนะนำแก่ผู้ว่าการรัฐนิวเซาท์เวลส์เกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์ว่า จำเป็นที่จะต้องปิดร้านค้าที่ไม่จำเป็นต่อการดำรงชีพทั้งหมด รวมทั้งในภาคบริการด้วย และยังอาจต้องมีการจำกัดระยะทางเมื่อผู้คนจำเป็นต้องเดินทางออกจากบ้าน ซึ่งนับตั้งแต่กลางเดือนก.ค.ที่ผ่านมา ทางรัฐก็เริ่มใช้มาตรการควบคุมที่เข้มงวดมากขึ้นแล้ว เช่นการระงับทุกโครงการก่อสร้าง และให้คำจำกัดความใหม่ให้กับคำว่า “งานที่จำเป็น” นอกจากนี้ ยังมีการควบคุมการเดินทางของประชาชนไม่ให้ข้ามเขตที่อยู่อาศัยเว้นแต่ว่าต้องออกไปทำงานที่ได้รับการยกเว้นและได้รับการตรวจหาเชื้อโควิดเป็นประจำ  

 

ด้านนักเศรษฐศาสตร์พากันหวั่นเกรงกันว่า การขยายเวลาล็อกดาวน์นครซิดนีย์ต่อไปอีก 4 สัปดาห์จนถึงวันที่ 28 ส.ค. อาจจะฉุดเศรษฐกิจออสเตรเลียให้ต้องถดถอยรอบใหม่ ซึ่งหากเกิดขึ้นจริง ก็จะเป็นการถดถอยทางเศรษฐกิจครั้งที่ 2 ของออสเตรเลียภายในรอบ 2 ปี