นายเดวิด ฮุย ศาสตราจารย์แห่งมหาวิทยาลัย Chinese University of Hong Kong ซึ่งเป็นผู้นำคณะผู้เชี่ยวชาญด้านโควิด-19 ทำหน้าที่ให้คำปรึกษาแก่รัฐบาลระบุวันนี้ (17 ก.ย.) ว่า ฮ่องกงจะไม่เปลี่ยนกลยุทธ์ "ความอดทนต่อโควิด-19 เป็นศูนย์" (zero tolerance) ไปสู่ "การอยู่ร่วมกับไวรัส" จนกว่าอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 จะอยู่ที่ระดับ 80-90%
ผู้นำคณะที่ปรึกษากล่าวว่า นโยบายความอดทนต่อโควิดเป็นศูนย์ ไม่ใช่นโยบายระยะยาว แต่ฮ่องกงจะเพิ่มอัตราการฉีดวัคซีนให้ได้มากที่สุดภายใต้นโยบายนี้ “เมื่ออัตราการฉีดวัคซีนถึงระดับ 80-90% เราอาจพิจารณาใช้มาตรการอยู่ร่วมกับไวรัสแทนที่จะรักษาเป้าหมายโควิดเป็นศูนย์" พร้อมระบุว่า ฮ่องกงจะยึดแนวทางจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นหลัก
ทั้งนี้ ปัจจุบันฮ่องกงมีอัตราการฉีดวัคซีนโดสแรกอยู่ที่เพียง 58% ซึ่งล่าช้ากว่าประเทศศูนย์กลางทางการเงินคู่แข่งอย่างสิงคโปร์ ซึ่งมีอัตราการฉีดวัคซีนสูงถึง 82%
ในขณะเดียวกัน จีนมีอัตราการฉีดวัคซีนครบโดสแตะระดับ 70% ของประชากรทั้งหมดแล้ว แต่จีนยังคงยืนยันที่จะใช้นโยบายความอดทนต่อโควิดเป็นศูนย์ และไม่มีแผนการที่จะเปิดประเทศในเวลาอันใกล้นี้ ซึ่งในปัจจุบัน ฮ่องกงให้ความสำคัญกับการเปิดพรมแดนกับจีนมาเป็นอันดับต้นๆ ฉะนั้น ฮ่องกงจึงจำเป็นต้องยึดนโยบายของจีนเป็นหลัก แม้อัตราการฉีดวัคซีนจะกระเตื้องขึ้นบ้างแล้วก็ตาม
ในช่วงท้ายนายฮุยกล่าวว่า ฮ่องกงอยู่ในภาวะที่ยุ่งยากในขณะนี้ เนื่องจากหอการค้าของประเทศต่างๆ ได้ส่งแรงกดดันต่อรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายการกักตัว ในขณะที่จีนยังคงตั้งเป้าลดการติดเชื้อเป็นศูนย์ ซึ่งหากฮ่องกงไม่ปฏิบัติตามนโยบายของจีน ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเปิดพรมแดนประเทศ