คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) มีมติเอกฉันท์ คงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ที่ระดับ 0.00-0.25% ในการประชุมเมื่อวานนี้ (22 ก.ย. เวลาท้องถิ่นสหรัฐ) เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้
นอกจากนี้ เฟดส่งสัญญาณปรับลดวงเงินในโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) ในเร็ว ๆนี้ จากปัจจุบันที่เฟดทำ QE อย่างน้อย 120,000 ล้านดอลลาร์/เดือน ซึ่งเฟดซื้อพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐวงเงิน 80,000 ล้านดอลลาร์/เดือน และซื้อตราสารหนี้ที่มีสินเชื่อที่อยู่อาศัยเป็นหลักประกันการจำนอง (MBS) ในวงเงิน 40,000 ล้านดอลลาร์/เดือน
"หากเศรษฐกิจมีความคืบหน้าตามที่คาดการณ์ไว้ FOMC ก็มีความเห็นว่าการปรับลดวงเงินในการซื้อสินทรัพย์อาจจะเกิดขึ้นในไม่ช้านี้" แถลงการณ์ของเฟดระบุ
นอกจากนี้ กรรมการเฟดส่วนใหญ่คาดว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยจะเกิดขึ้นในปี 2565 ซึ่งเร็วกว่าถึง 1 ปี เมื่อเทียบกับคาดการณ์เดิมในเดือนมิ.ย. ซึ่งกรรมการเฟดคาดว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปี 2566
ปรับลดคาดการณ์ GDP ขยายตัวเพียง 5.9%
ขณะเดียวกัน เฟดได้ปรับลดตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐในปีนี้ สู่ระดับ 5.9% จากเดิมคาดการณ์ที่ระดับ 7.0% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์การขยายตัวของปี 2565-2567 สู่ระดับ 3.8%, 2.5% และ 2.0% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราการขยายตัวในระยะยาวที่ระดับ 1.8%
เฟดยังได้คง ตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะสั้น ในปีนี้ที่ระดับ 0.13% ขณะที่ปรับเพิ่มตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยในปี 2565-2567 สู่ระดับ 0.38%, 1.0% และ 1.88% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยระยะยาวที่ระดับ 2.5%
ขณะเดียวกัน เฟดปรับเพิ่ม ตัวเลขคาดการณ์อัตราเงินเฟ้อ ในปี 2564-65 สู่ระดับ 4.2% และ 2.2% ตามลำดับ และคงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2566 ที่ระดับ 2.2% ขณะที่ระบุว่าอัตราเงินเฟ้อในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 2.1% และคงอัตราเงินเฟ้อในระยะยาวอยู่ที่ระดับ 2.0%
นอกจากนี้ เฟดปรับเพิ่ม ตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงาน ในปีนี้ สู่ระดับ 4.8% ขณะที่คงตัวเลขคาดการณ์ในปี 2565-2566 ที่ระดับ 3.8% และ 3.5% ตามลำดับ และระบุว่าอัตราว่างงานในปี 2567 จะอยู่ที่ระดับ 3.5% และคงตัวเลขคาดการณ์อัตราว่างงานในระยะยาวที่ระดับ 4.0%