วิกฤติแล้ว "เยอรมนี" จ่อล็อกดาวน์ตามรอย "ออสเตรีย" หลังโควิดพุ่งไม่หยุด

20 พ.ย. 2564 | 00:59 น.
อัปเดตล่าสุด :20 พ.ย. 2564 | 08:10 น.

สธ.เยอรมนียอมรับ วิกฤติโควิดอาจบีบให้รัฐบาลจำเป็นต้องหันมาใช้มาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศอีกครั้ง ตามหลังออสเตรียที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศล่วงหน้าไปแล้ว โดยจะมีผล 22 พ.ย.นี้ ตลาดหุ้นยุโรปร่วงตามๆกัน จากความวิตกมาตรการล็อกดาวน์จะขยายวงอีกหลายประเทศ

นายเยนส์ ชปาห์น รัฐมนตรีสาธารณสุขเยอรมนี กล่าวยอมรับวานนี้ (19 พ.ย.) ว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเยอรมนี ช่วงเวลานี้ มีความรุนแรงมาก ทำให้รัฐบาลอาจจำเป็นจะต้องนำมาตรการต่าง ๆ มาบังคับใช้ ไม่เว้นแม้แต่มาตรการล็อกดาวน์ ซึ่งจะส่งผลกระทบวงกว้างทั้งทางเศรษฐกิจและสังคม

 

"เรากำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถตัดทางเลือกใด ๆ ออกไป แม้ว่าสิ่งนี้จะทำให้เป็นข่าวใหญ่ในสื่อก็ตาม"

 

จำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายวันในเยอรมนีพุ่งขึ้นมากกว่า 50,000 รายตลอดช่วงหลายวันที่ผ่านมา ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศทะลุเกิน 5.2 ล้านราย และมีผู้เสียชีวิตสะสมเกือบ ๆ 100,000 รายแล้ว

 

ความเคลื่อนไหวของเยอรมนีครั้งนี้มีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลออสเตรีย ซึ่งเป็นประเทศเพื่อนบ้าน ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศท่ามกลางจำนวนผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่พุ่งขึ้นอย่างต่อเนื่องทำให้ยอดผู้ติดเชื้อสะสมในออสเตรียทะลุ 1 ล้านราย ทั้งนี้ มาตรการล็อกดาวน์ของออสเตรีย จะมีผลตั้งแต่วันจันทร์ที่ 22 พ.ย. โดยเบื้องต้นรัฐบาลจะบังคับใช้เป็นเวลา 10 วัน แต่จะไม่เกิน 20 วัน

จำนวนผู้ติดเชื้อโควิดรายวันพุ่งขึ้นเป็นประวัติการณ์ในเยอรมนี

ไม่ล็อกดาวน์ไม่ได้แล้ว

การประกาศล็อกดาวน์ครั้งล่าสุดของออสเตรียถือเป็นครั้งที่ 4 นับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในปีที่ผ่านมา  ออสเตรียเป็นประเทศแรกในยุโรปตะวันตกที่ประกาศล็อกดาวน์ในช่วงฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ (2564)

 

ก่อนหน้านี้ รัฐบาลได้ออกมาตรการล็อกดาวน์ต่อชาวออสเตรียราว 2 ล้านคนที่ยังไม่ได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยประชาชนกลุ่มนี้จะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกจากบ้าน(ยกเว้นกรณีจำเป็น) และผู้ที่ละเมิดมาตรการดังกล่าวจะถูกปรับเป็นเงิน 500 ยูโร (567 ดอลลาร์) หรือเกือบ 20,000 บาท

 

นอกจากนี้ รัฐบาลยังได้ออกคำสั่งบังคับให้ชาวออสเตรียจะต้องเข้ารับการฉีดวัคซีนโควิด-19 เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ก.พ.2565

 

กระทรวงสาธารณสุขออสเตรียเปิดเผยว่า ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (ของวันที่ 19 พ.ย.) พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 รายใหม่จำนวน 15,809 ราย ซึ่งเป็นสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่เกิดการระบาดในปี 2563 ส่งผลให้ยอดรวมผู้ติดเชื้อสะสมในประเทศอยู่ที่ 1,027,274 ราย

หน่วยปฏิบัติการตรวจหาเชื้อเคลื่อนที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา

สถานการณ์โควิดล่าสุดทั้งที่เกิดขึ้นในออสเตรียและเยอรมนี ส่งผลกดดันต่อตลาดหุ้นยุโรปอย่างชัดเจนแล้ว โดยตลาดปิดลบในวันศุกร์ (19 พ.ย.) ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นวันที่สองติดต่อกัน จากความวิตกเกี่ยวกับมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ในยุโรป

 

ดัชนี Stoxx Europe 600 ปิดที่ 486.08 จุด ลดลง 1.62 จุด หรือ -0.33% และปิดตลาดสัปดาห์นี้ ลดลง 0.1%

 

ขณะที่ดัชนี CAC-40 ตลาดหุ้นฝรั่งเศสปิดที่ 7,112.29 จุด ลดลง 29.69 จุด หรือ -0.42%, ดัชนี DAX ตลาดหุ้นเยอรมนีปิดที่ 16,159.97 จุด ลดลง 61.76 จุด หรือ -0.38% และดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดที่ 7,223.57 จุด ลดลง 32.39 จุด หรือ -0.45%

 

นักวิเคราะห์กล่าวว่า ตลาดหุ้นยุโรปกำลังถูกกดดันจากความวิตกเกี่ยวกับการดำเนินมาตรการล็อกดาวน์รอบใหม่ที่อาจเกิดขึ้นในหลายประเทศยุโรป เริ่มจากออสเตรียที่ประกาศล็อกดาวน์ทั่วประเทศไปแล้ว และอาจจะตามมาด้วยเยอรมนีในเร็ว ๆนี้