สื่อต่างประเทศรายงานว่า รัฐบาลออสเตรเลีย เตรียมจ่ายเงินพิเศษเพื่อเป็นสิ่งจูงใจให้กับบุคลากรที่มีหน้าที่ดูแล ผู้สูงอายุ หลังจากที่การแพร่ระบาดของ โรคโควิด-19 ได้ส่งผลกระทบต่อ สถานดูแลคนชรา จนทำให้มีผู้สูงอายุเสียชีวิตหลายร้อยรายและเกิดปัญหาขาดแคลนบุคลากรดูแลผู้สูงอายุทั่วประเทศ
นายสกอตต์ มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลียเปิดเผยวานนี้ (31 ม.ค.) ว่า เงินพิเศษนี้จะแบ่งจ่าย 2 รอบในเดือนก.พ.และพ.ค. 2565 ในวงเงินสูงสุด 400 ดอลลาร์ออสเตรเลียต่อรอบ โดยมอบให้แก่บุคลากรที่ดูแลผู้สูงอายุที่มีหน้าที่ทำความสะอาด บริการอาหาร หรือดูแลผู้สูงอายุโดยตรง
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์โอมิครอนได้ก่อให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับสวัสดิภาพของผู้สูงอายุในสถานดูแลคนชรา โดยเมื่อวันที่ 30 ม.ค. รัฐนิวเซาท์เวลส์มีผู้เสียชีวิตจากโควิด-19 รวม 52 ราย ซึ่งในจำนวนนี้อาศัยอยู่ในสถานดูแลคนชราถึง 31 ราย
ข้อมูลจากทางการออสเตรเลียระบุว่า ในเดือนมกราคมที่ผ่านมา มีผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานดูแลคนชราเสียชีวิตจากโรคโควิด-19 รวมทั้งสิ้น 389 ราย โดยเกิดการแพร่ระบาด 1,261 จุด ซึ่งกระทบต่อผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานดูแลคนชราจำนวน 9,600 ราย และบุคลากรผู้ดูแลคนชราอีกกว่า 14,000 ราย
ด้านแบปทิสต์แคร์ (Baptistcare) ซึ่งเป็นผู้ดูแลเครือข่ายสถานดูแลคนชรารายใหญ่ของออสเตรเลีย เปิดเผยว่า ปัญหาขาดแคลนบุคลากรที่ดูแลผู้สูงวัย ทำให้ผู้ที่อาศัยอยู่ในสถานดูแลคนชราหลายแห่ง ถูกกักบริเวณไว้ในห้องหลายพันราย โดยครอบครัวไม่สามารถเข้าไปเยี่ยมได้
ทั้งนี้ ออสเตรเลียกำลังเผชิญการระบาดครั้งเลวร้ายที่สุดจากไวรัสโควิดสายพันธุ์โอมิครอนที่ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์
เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของแนวทางควบคุมโรคท่ามกลางสภาวะที่รัฐส่วนใหญ่ในออสเตรเลียกำลังจะเปิดทำการเรียนการสอนอีกครั้งแบบจัดสลับกันในสัปดาห์นี้ รัฐบาลออสเตรเลียได้ออกมาตรการบังคับให้กลุ่มเด็กโตต้องใส่หน้ากากภายในอาคาร และรัฐบาลกำลังกระจายชุดตรวจโควิด-19 ที่บ้านแบบตรวจหาแอนติเจน (Antigen Test Kit) นับล้านชุดให้แก่ครอบครัวต่าง ๆ ฟรี แม้ชุดตรวจจะยังไม่มีวางจำหน่ายตามร้านค้าต่าง ๆ โดยรัฐบาลจะขอให้เด็กต้องตรวจหาเชื้อ 2 ครั้งต่อสัปดาห์
ข่าวระบุว่า ชาวออสเตรเลียวัยผู้ใหญ่ราว 2 ใน 3 ได้รับวัคซีนเข็มบูสเตอร์ไปแล้ว ส่วนจำนวนผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลยังคงอยู่ที่ระดับราว 5,000 รายในช่วงไม่กี่วันมานี้ และพุ่งแตะระดับสูงสุดไม่เกิน 5,400 รายเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (25 ม.ค.) โดยตัวเลขเมื่อวานนี้ (31 ม.ค.) อยู่ที่ 4,869 ราย หลังลดลงต่อเนื่องตลอด 5 วันที่ผ่านมา