สื่อต่างประเทศรายงานวานนี้ (2 ก.พ.) ว่า เอกวาดอร์ ประสบปรากฏการณ์ ฝนตกหนักที่สุดในรอบเกือบ 20 ปี ทำให้เกิดภาวะ น้ำท่วมและดินโคลนถล่ม ในกรุงกีโต เมืองหลวงของประเทศ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 24 คน และยังสูญหาย 12 คน
ทั้งนี้ ฝนที่ตกหนักในกรุงกีโต ตลอดคืนวันจันทร์ที่ผ่านมา (31 ม.ค.) ทำให้มีน้ำสะสมปริมาณมากในช่องเขาใกล้กับชุมชนลากัสกาและลาโกมูนา ซึ่งเป็นย่านที่อยู่อาศัยของผู้ใช้แรงงานในเขตเมืองหลวง
ข่าวระบุว่า น้ำที่ล้นในช่องเขาทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวกรากพัดพาเอาดินโคลนและก้อนหินไหลทะลักลงมาตามถนนในเมืองหลวงกีโต ซึ่งมีประชากรราว 2.7 ล้านคน และสร้างความเสียหายให้กับระบบส่งจ่ายกระแสไฟฟ้า ทำให้หลายครัวเรือนไม่มีไฟฟ้าใช้
นายซานติอาโก กัวร์เดรัส นายกเทศมนตรีกรุงกีโต เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์ดังกล่าว มีรายงานผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 24 คน และสูญหาย 12 คน ขณะที่สำนักงานจัดการภัยพิบัติแห่งชาติเอกวาดอร์ระบุว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 48 คน นอกจากนี้ ยังมีประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากภัยธรรมชาติที่เกิดขึ้นครั้งนี้และจำเป็นต้องอพยพไปอาศัยชั่วคราวที่ศูนย์พักพิงเป็นจำนวนมาก
สถานีโทรทัศน์และสื่อโซเชียลมีเดียเผยแพร่ภาพคลิปวิดีโอที่ต้นไม้ ยวดยานพาหนะ ถังขยะ และแม้แต่เสาไฟฟ้า ถูกกระแสน้ำที่แรงและเชี่ยวกรากพัดลอยหายไป ชาวบ้านพากันช่วยเหลือบางคนที่ติดอยู่ในกระแสน้ำที่เต็มไปด้วยโคลน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยพบว่า หลายคนต้องรักษาอาการภาวะอุณหภูมิในร่างกายต่ำกว่าปกติ
ทั้งนี้ ฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง 17 ชั่วโมงตั้งแต่คืนวันจันทร์ (31 ม.ค.) ในกรุงกีโต ทำให้แม่น้ำหลายสายมีน้ำเอ่อล้นตลิ่ง จนน้ำท่วมบ้านเรือนหลายร้อยหลังและถนนหลายสาย ทั้งยังสร้างความเสียหายให้กับพื้นที่การเกษตร คลินิก โรงเรียน สถานีตำรวจ รวมถึงโรงผลิตกระแสไฟฟ้า ฝนที่ตกในเมืองหลวงเมื่อวันจันทร์ (31 ม.ค.) วัดปริมาณได้ 75 ลิตรต่อตารางเมตร นับเป็นฝนที่ตกหนักที่สุดตั้งแต่ปี 2546