ในการแถลงข่าวหลังการประชุมกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางยุโรป ECB วานนี้ นางคริสติน ลาการ์ด ประธาน ECB ส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย โดยกล่าวยอมรับว่า เงินเฟ้อได้พุ่งขึ้นมากกว่าที่คาดไว้ และความเสี่ยงของแนวโน้มเงินเฟ้อยังคงอยู่ในช่วงขาขึ้น โดยเฉพาะในระยะใกล้ ขณะที่การขยายตัวของราคาในยูโรโซนเริ่มอยู่ในวงกว้างมากขึ้น
ต่อคำถามของผู้สื่อข่าวที่ว่า ECB ยังไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ใช่หรือไม่ นางลาการ์ด กล่าวว่า จะทำการประเมินสถานการณ์อย่างระมัดระวัง และการตัดสินใจจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ ECB ได้รับ
ท่าทีของนางลาการ์ดในครั้งนี้ ถือว่าแตกต่างจากก่อนหน้านี้ ที่เคยส่งสัญญาณว่า ECB ไม่มีแนวโน้มปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในปีนี้ โดยระบุว่า "แม้ว่าอัตราเงินเฟ้อดีดตัวขึ้น แต่ก็มีแนวโน้มปรับตัวลงในระยะกลาง" ขณะที่ ECB มักระบุว่าเงินเฟ้อในยูโรโซนมีสาเหตุจากปัจจัยชั่วคราว และเงินเฟ้อดังกล่าวจะชะลอตัวลงเมื่อเวลาผ่านไป
ทั้งนี้ ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมวันนี้ ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ แม้ว่าเงินเฟ้อของยูโรโซนพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ และปรับตัวเหนือเป้าหมาย 2% ของ ECB
ECB มีมติคงอัตราดอกเบี้ยรีไฟแนนซ์ที่ระดับ 0% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ และคงอัตราดอกเบี้ยเงินฝากที่ธนาคารพาณิชย์ฝากไว้กับ ECB ที่ระดับ -0.50% ขณะที่คงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ระดับ 0.25% ขณะเดียวกัน ECB ระบุว่า ทางธนาคารจะยุติโครงการซื้อพันธบัตรตามมาตรการ Pandemic Emergency Purchase Programme (PEPP) วงเงิน 1.85 ล้านล้านยูโรในเดือนมี.ค.
สำนักงานสถิติแห่งสหภาพยุโรป (ยูโรสแตท) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของยูโรโซนพุ่งขึ้นสู่ระดับ 5.1% ในเดือนม.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ที่ยูโรสแตทเริ่มรวบรวมข้อมูลดังกล่าว จากระดับ 5.0% ในเดือนธ.ค.ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ก่อนหน้านี้ว่า ดัชนี CPI จะปรับตัวลงสู่ระดับ 4.4% ในเดือนม.ค.
BoE ขึ้นดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.50%
ขณะที่ธนาคารกลางอังกฤษ (BoE) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% สู่ระดับ 0.50% ในการประชุมวันนี้ตามที่ตลาดคาดการณ์ไว้ และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 เดือนเพื่อสกัดเงินเฟ้อที่พุ่งสูงสุดในรอบ 30 ปี
ก่อนหน้านี้ BoE มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสู่ระดับ 0.25% ในการประชุมเดือนธ.ค.2564 จากระดับ 0.1% ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดเป็นประวัติการณ์ ส่งผลให้ BoE เป็นธนาคารกลางขนาดใหญ่แห่งแรกของโลกที่ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในช่วงต้นปี 2563
สำนักงานสถิติแห่งชาติอังกฤษ (ONS) เปิดเผยว่า ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค พุ่งขึ้น 5.4% ในเดือนธ.ค. ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 30 ปี และสูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ที่ระดับ 5.2% หลังจากดีดตัวขึ้น 5.1% ในเดือนพ.ย.
ดัชนี CPI ดังกล่าวสูงกว่าเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% ที่ BoE กำหนดไว้กว่า 2 เท่า BoE ยังคาดการณ์ในวันนี้ว่า อัตราเงินเฟ้อในอังกฤษจะแตะระดับสูงสุดที่ 7.25% ในเดือนเม.ย. นอกจากนี้ BoE มีมติเอกฉันท์ให้ลดขนาดงบดุลจากวงเงิน 8.95 แสนล้านปอนด์ โดยจะปล่อยให้พันธบัตรที่ซื้อมาก่อนหน้านี้ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) หมดอายุลงโดยไม่มีการนำรายได้ดังกล่าวมาลงทุนซื้อพันธบัตรใหม่