หุ้นร่วงวันเดียว“มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก” ความรวยหายวับ 29,000 ล้านดอลล์

04 ก.พ. 2565 | 11:09 น.
อัปเดตล่าสุด :07 ก.พ. 2565 | 14:10 น.

หุ้นบริษัทเมตาร่วงวันเดียว 26% ทำ “มาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก” สินทรัพย์หดหาย 29,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 9.5 แสนล้านบาทในทันทีเมื่อวานนี้ (3 ก.พ.)   

มูลค่าหุ้นของ บริษัท เมตา (Meta) เจ้าของ เฟซบุ๊ก และอินสตาแกรมในการซื้อขายที่ตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์กเมื่อวันพฤหัสบดี (3 ก.พ.) ร่วงแรง 26%  หรือคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ เทียบเท่าขนาดเศรษฐกิจนิวซีแลนด์ทั้งประเทศ และส่งผลให้ทรัพย์สินของ นายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ ลดลงไปด้วยถึง 29,000 ล้านดอลลาร์ภายในวันเดียวกันนั้น

 

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า มูลค่าหุ้นของเมตาที่ร่วงหนักครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่นักลงทุนมีความวิตกเกี่ยวกับอนาคตของบริษัท ที่ทุ่มเม็ดเงินมหาศาลลงไปแล้วกับวิสัยทัศน์ “เมตาเวิร์ส” (metaverse) ซึ่งเป็นแนวคิดและทิศทางใหม่ของบริษัท ขณะเดียวกันบริษัทยังมีปัญหากับธุรกิจโฆษณาหลัก ซึ่งทำให้ผลประกอบการล่าสุด (ไตรมาส 4/2564) ออกมาน่าผิดหวัง และทำให้เมตาคาดการณ์ว่าการเติบโตของบริษัทจะชะลอตัวลง

 

นอกจากนี้ มีแนวโน้มที่ไม่สดใสคือรายงานระบุว่า แพลตฟอร์มเฟซบุ๊กที่เป็นสื่อโซเชียลมีเดียยอดนิยมและเป็นหน้าเป็นตาของเมตา มียอดผู้ใช้งานรายวันลดลงเป็นครั้งแรกอีกด้วย

เมื่อวันพุธ (2 ก.พ.) ยังมีการเปิดเผยฐานะทางการเงินไตรมาส 4/ 2564 ของ แผนก “เรียลลิตี้ แล็บส์” ของบริษัทเมตา เป็นครั้งแรก แผนกดังกล่าวเป็นหัวหอกในการพัฒนาแนวคิดธุรกิจเกี่ยวกับเมตาเวิร์สทั้งหมด แต่ผลประกอบการชี้ว่า บริษัทขาดทุนจากธุรกิจเมตาเวิร์สเป็นเงินกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์แล้ว และมีแนวโน้มว่าจะขาดทุนเพิ่มขึ้นมากกว่านี้อีก โดยธุรกิจของบริษัทนั้นครอบคลุมรายได้จากฮาร์ดแวร์ อาทิ แว่นวีอาร์ “เมตา เควส”

 

การขาดทุนในปี 2564 นั้นเป็นไปตามการคาดการณ์ของซักเคอร์เบิร์กเมื่อปีที่ผ่านมา และมีความเป็นไปได้สูงที่ในปีนี้จะขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก

สินค้าจากกลุ่มธุรกิจเมตาเวิร์ส เช่นแว่นวีอาร์ เมตาเควสต์ ยังไม่ทำกำไร

นักวิเคราะห์กล่าวว่า มูลค่าหุ้นบริษัท เมตา ในการซื้อขายเมื่อวันพฤหัสฯ (3 ก.พ.ตามเวลานิวยอร์ก) ที่ลดลง 26% นั้นคิดเป็นมูลค่ามากกว่า 200,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นการสูญเสียมูลค่าหุ้นมากที่สุดในรอบ 1 วันสำหรับบริษัทของสหรัฐ โดยฟอร์บส์ระบุว่า สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้นายซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งและซีอีโอของเมตา ซึ่งถือหุ้นบริษัทอยู่ราว 12.8% ต้องสูญเสียมูลค่าทรัพย์สินไปรวม 29,000 ล้านดอลลาร์ ทำให้เขาเหลือทรัพย์สินราว 85,000 ล้านดอลลาร์ ถือเป็นมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยเป็นอันดับที่ 12 ของโลก (ตามเวลาแบบเรียลไทม์)

ทรัพย์สินที่หดลงในวันเดียวถึง 29,000 ล้านดอลลาร์ของซัคเคอร์เบิร์ก ทำให้เขาเป็นหนึ่งในมหาเศรษฐีที่สูญเสียทรัพย์สินมากที่สุดในวันเดียว ต่อจากนายอีลอน มัสก์ ผู้บริหารบริษัทเทสลา ซึ่งเป็นบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก ณ เวลานี้ โดยนายมัสก์มีมูลค่าทรัพย์สินลดลง 35,000 ล้านดอลลาร์เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา (2564) หลังจากเขาทำโพลสอบถามทางทวิตเตอร์เรื่องการขายหุ้น 10% ของเทสลา ข่าวระบุว่า หลังจากการขายหุ้นของมัสก์ในครั้งนั้น ราคาหุ้นของเทสลาก็ยังคงไม่ฟื้นกลับคืนสู่ระดับเดิม (ก่อนการขายหุ้น) ได้เลย

 

ในวันเดียวกับที่นายมาร์ก ซัคเคอร์เบิร์ก หุ้นร่วงและความร่ำรวยลดลงนั้น ข่าวระบุว่า นายเจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งบริษัท แอมะซอน ยักษ์ใหญ่อีคอมเมิร์ซของสหรัฐกลับมีทรัพย์สินเพิ่มขึ้น 20,000 ล้านดอลลาร์ โดยเขาถือหุ้นในบริษัทแอมะซอนราว 9.9%

 

ในทำเนียบมหาเศรษฐีของฟอร์บส์นั้น นายเบซอสถูกจัดอันดับเป็นบุคคลที่ร่ำรวยเป็นอันดับ 3 ของโลก รองจากนายอีลอน มัสก์ และนายเบอร์นาร์ด อาร์โนลต์ (เจ้าของอาณาจักร LVMH และแบรนด์หรูหลุยส์วิตตอง)