ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐอเมริกา พยายามใช้วิถีทางการทูตเพื่อต่อต้าน การรุกรานยูเครน ของรัสเซียมาโดยตลอด เช่น การประกาศเตือนล่วงหน้าหลายครั้งเกี่ยวกับแผนบุกยูเครนของ รัสเซีย แต่ในขณะเดียวกัน ปธน.ไบเดนก็ย้ำชัดทุกครั้งว่า สหรัฐจะไม่ส่งทหารเข้าร่วมสู้รบในการศึกครั้งนี้ ซึ่งทำให้ทั่วโลกตั้งคำถามเกี่ยวกับจุดยืนดังกล่าวของผู้นำสหรัฐ
สำนักข่าวบีบีซี สื่อใหญ่ของอังกฤษได้วิเคราะห์ถึง สาเหตุที่ประธานาธิบดีไบเดนตัดสินใจไม่ส่งกำลังทหารไปยังยูเครนไว้ 4 ประการ ดังนี้
(1) สหรัฐมองว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยูเครนไม่มีผลประโยชน์ต่อความมั่นคงของสหรัฐ เนื่องจากยูเครนไม่ได้เป็นประเทศเพื่อนบ้านและไม่มีพรมแดนติดสหรัฐ และสหรัฐเองก็ไม่มีฐานทัพอยู่ในยูเครน นอกจากนี้ ยูเครนยังไม่ใช่ประเทศที่มีรายชื่ออยู่ในแผนน้ำมันสำรองทางยุทธศาสตร์และไม่ได้เป็นพันธมิตรทางการค้ารายสำคัญของสหรัฐ
(2) บีบีซีมองว่า ประธานาธิบดีไบเดนไม่ต้องการใช้อำนาจแทรกแซงทางการทหารและหลีกเลี่ยงการแทรกแซงกิจการภายใน ซึ่งเป็นหลักการที่เขายึดมั่นมาโดยตลอดในเส้นทางนักการเมือง โดยเฉพาะการสนับสนุนคำสั่งถอนกองกำลังทหารสหรัฐออกจากอัฟกานิสถานเมื่อปลายปีก่อน แม้รู้ดีว่าคำสั่งดังกล่าวจะทำให้เกิดความวุ่นวายและวิกฤตทางมนุษยธรรมก็ตาม
(3) ชาวอเมริกันเองไม่ต้องการทำสงคราม เนื่องจากผลสำรวจความเห็นล่าสุดของสำนักข่าวเอพีและศูนย์วิจัยกิจการสาธารณะ (AP-NORC) ของสหรัฐชี้ว่า ชาวอเมริกัน 72% ระบุว่า สหรัฐควรมีบทบาทเพียงเล็กน้อยในสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างรัสเซียกับยูเครน หรือไม่ควรเข้าไปมีส่วนร่วมเลย ทั้งนี้ ชาวอเมริกันส่วนใหญ่ให้ความสำคัญกับปัญหาเศรษฐกิจในประเทศมากกว่า โดยเฉพาะปัญหาอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้น ซึ่งเป็นประเด็นที่ประธานาธิบดีไบเดนต้องคำนึงถึง
(4) บีบีซีระบุ สหรัฐไม่ต้องการสร้างอันตรายจากการเผชิญหน้าของชาติมหาอำนาจ เนื่องจากทั้งสหรัฐและรัสเซียถือเป็นสองประเทศมหาอำนาจที่มีหัวรบนิวเคลียร์รวมกันมากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก นอกจากนี้ ประธานาธิบดีไบเดนยังไม่ต้องการทำ “สงครามโลก” ที่เสี่ยงต่อการปะทะกันโดยตรงระหว่างกองทหารสหรัฐกับรัสเซียในยูเครน
ที่มา: บีบีซี /สำนักข่าวไทย