ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย ได้สั่งการให้กองกำลังป้องปรามด้วยอาวุธนิวเคลียร์ (Nuclear Deterrent Forces) เตรียมพร้อมในระดับสูงสุด หลังจากบรรดาชาติพันธมิตรของ องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ส่งสัญญาณอันแข็งกร้าวว่าจะตอบโต้รัสเซีย ซึ่งรวมถึงการตอบโต้ด้วยมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ หลังจากที่ รัสเซีย ตัดสินใจบุก ยูเครน
ปธน.ปูตินได้ออกแถลงการณ์ผ่านสถานีโทรทัศน์ของรัฐบาลรัสเซียวานนี้ (27 ก.พ.) ใจความส่วนหนึ่งระบุว่า "ท่านได้เห็นแล้วว่า ไม่เพียงแต่ชาติตะวันตกเท่านั้นที่ใช้มาตรการที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียโดยเฉพาะมาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของนาโตยังได้ใช้ถ้อยคำที่แข็งกร้าวทุกครั้งที่กล่าวถึงรัสเซีย"
ทั้งนี้ มาตรการที่ไม่เป็นมิตรต่อรัสเซียนั้น อาจหมายรวมถึงการที่สหรัฐกับชาติพันธมิตรในยุโรปออกมาประกาศพร้อมๆ กันในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมาว่าจะส่งอาวุธให้กับกองทัพยูเครนจำนวนมาก เพื่อใช้สู้กับรัสเซีย
นางลินดา โธมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตสหรัฐประจำสหประชาชาติ (UN) กล่าวให้สัมภาษณ์ในรายการ "Face the Nation" ของสำนักข่าวซีบีเอสในวันเดียวกันว่า การกระทำของปธน.ปูตินถือเป็นสิ่งที่ไม่สามารถยอมรับได้ และยังเป็นการเพิ่มความขัดแย้งให้ลุกลามบานปลาย นอกจากนี้ นางโธมัส-กรีนด์ฟิลด์ ยังกล่าวว่า สหรัฐอาจจะใช้มาตรการคว่ำบาตรรอบใหม่ต่อรัสเซียด้วย
ทางด้านยูเครน ทำเนียบประธานาธิบดีได้ออกแถลงล่าสุดเมื่อวันอาทิตย์ (27 ก.พ.) ว่า รัฐบาลยูเครนได้ตกลงที่จะส่งตัวแทนเข้าร่วมการเจรจากับตัวแทนระดับสูงของรัสเซียแล้ว (ไม่ใช่การเจรจาระดับผู้นำประเทศ) หลังจากที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี ต่อสายพูดคุยกับ ประธานาธิบดีอเล็กซานเดอร์ ลูกาเชนโกของเบลารุส ซึ่งเป็นพันธมิตรกับผู้นำรัสเซีย
ทั้งนี้ โฆษกทำเนียบประธานาธิบดียูเครนเปิดเผยว่า การพบปะเจรจาดังกล่าว จะมีขึ้นบริเวณชายแดนเบลารุส ทางเหนือของยูเครน ใกล้กับเขตโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เชอร์โนบิล แต่ทั้งนี้ทำเนียบของประธานาธิบดีเซเลนสกี ไม่ได้ระบุวันและเวลาของการพูดคุยที่กำลังจะมีขึ้น
“นักการเมืองทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องกันว่า ตัวแทนของยูเครนจะพบกับตัวแทนของรัสเซีย โดยไม่มีการตั้งเงื่อนไขล่วงหน้า ที่ชายแดนยูเครน-เบลารุส ใกล้กับแม่น้ำปรีเปียต” แถลงการณ์ของทำเนียบประธานาธิบดียูเครนระบุ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (27 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันที่สี่ของการบุกโจมตียูเครนโดยกองกำลังรัสเซีย กำลังพลของรัสเซียสามารถเข้าตีเมืองคาร์คีฟ (Kharkiv)ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับสองของยูเครน หลังจากที่ก่อนหน้านี้สามารถเข้าถึงพื้นที่ชานกรุงเคียฟ เมืองหลวง ได้แล้ว ทั้งนี้ มีการปะทะกันและเกิดการระเบิดท่อก๊าซใจกลางเมืองคาร์คีฟด้วย
นอกจากนี้ กองทัพรัสเซียยังเข้าโจมตีสนามบินหลายแห่ง รวมทั้งคลังเก็บเชื้อเพลิงของยูเครน ขณะที่ทหารยูเครนตรึงกองกำลังรักษาเมืองหลวงเคียฟอย่างสุดความสามารถ พร้อมทั้งมีคำสั่งให้ประชาชนในกรุงเคียฟอยู่แต่ในอาคารบ้านเรือนของตนเองจนกว่าจะเช้าวันจันทร์ (เช้าวันที่ 28 ก.พ.ตามเวลาท้องถิ่น) เนื่องจากมีทั้งการปะทะระหว่างทหารรัสเซียที่แฝงตัวเข้ามากับฝ่ายทหารและอาสาสมัครป้องกันประเทศของยูเครน ทั้งการระดมยิงถล่มเมืองหลวงซึ่งกองทัพยูเครนระบุว่า ฝ่ายรัสเซียได้ยิงจรวดนำวิถีมาจากเบลารุสซึ่งเป็นประเทศพันธมิตรกับรัสเซีย เป้าหมายพุ่งมาที่กรุงเคียฟแต่ถูกสกัดไว้ได้โดยระบบต่อต้านการโจมตีทางอากาศของยูเครน
อย่างไรก็ตาม ฝ่ายยูเครนระบุการโจมตีทางอากาศของรัสเซียเมื่อคืนนี้ (27 ก.พ.) สร้างความเสียหายให้กับโรงพยาบาลเด็กแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเคียฟ ทำให้มีเด็กเสียชีวิต 1 รายและอีกหลายรายบาดเจ็บ
สำนักข่าวเอพีรายงานอ้างอิงข้อมูลจากองค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ระบุว่า มีพลเรือนเสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 64 ราย บาดเจ็บ 240 ราย นับตั้งแต่รัสเซียเปิดฉากบุกยูเครน แต่ยูเอ็นเชื่อว่าตัวเลขความเสียหายที่แท้จริงน่าจะสูงกว่านี้มาก
ข้อมูลอ้างอิง
Zelensky Announces Talks with Russia as Putin Ups Nuclear Saber-Rattling, Fighting Drags On