สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานวันนี้ (8 มี.ค.) ว่า รัสเซีย กลายเป็น ประเทศที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดในโลก (the world’s most-sanctioned nation) แล้ว โดยขึ้นแท่นแซงหน้า อิหร่านและ ซีเรียภายในระยะเวลาเพียง 10 วัน หลังจากที่ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซียสั่งบุก ยูเครน
เว็บไซต์แคสเทลลัมดอทเอไอ (Castellum.ai) ซึ่งเป็นฐานข้อมูลติดตามการคว่ำบาตรทั่วโลกเปิดเผยว่า รัสเซีย ถูกคว่ำบาตรรอบใหม่ไปแล้ว 2,778 รายการ นำโดยสหรัฐอเมริกาและชาติพันธมิตรยุโรปตั้งแต่วันที่ 22 ก.พ.ซึ่งเป็นวันที่วุฒิสภารัสเซียมีมติเป็นเอกฉันท์ อนุมัติให้ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน สามารถใช้กองทัพรัสเซียนอกประเทศเพื่อให้การสนับสนุนกลุ่มแบ่งแยกดินแดนในยูเครน หลังจากที่ก่อนหน้านั้นเมื่อวันที่ 21 ก.พ. ผู้นำรัสเซียได้ลงนามในร่างกฎหมายรับรองสถานะการเป็น “รัฐอิสระ” ของสาธารณรัฐประชาชนโดเนตสก์-ลูฮันสก์ ซึ่งเป็นดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนและมีพรมแดนติดกับรัสเซีย
ดังนั้น เมื่อรวมกับของเดิมแล้ว ทำให้รัสเซียถูกคว่ำบาตรไปมากกว่า 5,530 รายการ สูงกว่าอิหร่านที่ถูกคว่ำบาตร 3,616 รายการในรอบทศวรรษ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดจากโครงการนิวเคลียร์และการสนับสนุนการก่อการร้าย
สำหรับ ประเทศอื่น ๆ ที่ถูกคว่ำบาตรมากที่สุดรองจากรัสเซียและอิหร่าน นั้น ประกอบด้วย
ตามลำดับ
ทั้งนี้ รัสเซียเผชิญแรงกดดันเพิ่มขึ้นเกือบทุกวัน โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (6 มี.ค.) บริษัทเน็ตฟลิกซ์, เคพีเอ็มจี และไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส (PwC) ประกาศระงับการทำธุรกิจในรัสเซีย ตามรอยบริษัทในสหรัฐและยุโรปหลายราย อาทิ ไนกี้, อิเกีย และแอร์เมส ที่ได้ปิดร้านสาขา, สำนักงาน และยุติการดำเนินงานในรัสเซีย
นายปีเตอร์ เพียเทตสกี ผู้ร่วมก่อตั้งแคสเทลลัมดอทเอไอ และอดีตเจ้าหน้าที่กระทรวงการคลังสหรัฐในรัฐบาลสมัยปธน.โอบามาและปธน.ทรัมป์ กล่าวว่า "นี่เป็นสงครามนิวเคลียร์ทางการเงินและการคว่ำบาตรครั้งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จากที่รัสเซียเคยเป็นส่วนหนึ่งของเศรษฐกิจโลก กลับตกเป็นเป้าหมายรายใหญ่ที่สุดเพียงหนึ่งเดียวของการคว่ำบาตรจากทั่วโลก และถูกตัดออกจากระบบการเงินโลกภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์"
ประเทศที่ใช้มาตรการคว่ำบาตรต่อรัสเซียมากที่สุดได้แก่ สวิตเซอร์แลนด์ (568 รายการคว่ำบาตร) ขณะที่สหภาพยุโรป (อียู) ฝรั่งเศส และสหรัฐอเมริกา มีมาตรการคว่ำบาตรรัสเซีย 518 รายการ 512 รายการ และ 243 รายการ ตามลำดับ
ข้อมูลอ้างอิง