การศึกษาจาก ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐอเมริกา (ซีดีซี) ล่าสุดนี้ ถือเป็นครั้งแรกที่ยืนยันว่า มีประชากรในสหรัฐ มากกว่าครึ่งหนึ่งที่ ติดเชื้อโควิด-19 แล้วอย่างน้อยหนึ่งครั้ง และเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงผลกระทบจากการระบาดใหญ่ของ เชื้อโคโรนาไวรัสสายพันธุ์โอมิครอน ในสหรัฐ เพราะก่อนที่ โอมิครอน จะระบาดหนักเมื่อปลายปีที่แล้วนั้น มีประชากรในสหรัฐเพียงราว 1 ใน 3 ที่พบประวัติการติดเชื้อ
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานอ้างอิงผลการศึกษาทั่วประเทศของซีดีซี ที่ได้รับการเผยแพร่เมื่อวันอังคาร (26 เม.ย.) ระบุถึงผลศึกษาตัวอย่างเลือดของประชากรในสหรัฐช่วงเดือนธันวาคมปี 2564 จนถึงเดือนกุมภาพันธ์ของปีนี้ (2565) ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่โควิดโอมิครอนระบาดรุนแรงในอเมริกา พบว่า 58% ของประชากรอเมริกัน พบประวัติการติดเชื้อโควิด-19 อย่างน้อยหนึ่งครั้ง
นอกจากนี้ ยังพบว่า ประชากรในวัยเด็ก และผู้ที่ไม่ได้รับวัคซีนโควิด-19 มีสัดส่วนการติดเชื้อโควิดในระดับสูงในช่วงการระบาดใหญ่ของโควิดโอมิครอนในสหรัฐ ขณะที่ประชากรอายุ 65 ปีขึ้นไป ที่มีอัตราการเข้ารับวัคซีนโควิดในสัดส่วนที่สูง มีอัตราการติดเชื้อต่ำในการศึกษานี้
นักวิจัยมุ่งเป้าตรวจสอบระดับแอนติบอดีที่ตอบสนองต่อเชื้อโคโรนาไวรัส โควิด-19 ที่จะก่อตัวในร่างกายของผู้ที่เคยติดเชื้อมาก่อน แต่ไม่พบในผู้ที่ได้รับวัคซีนโควิด-19
ในการศึกษายังพบว่า เด็กอายุ 11 ปีหรือที่อายุน้อยกว่านั้น ราว 75.2% พบระดับแอนติบอดีที่สะท้อนว่าเป็นผู้เคยติดเชื้อโควิดมาแล้วในช่วงเวลาที่ทำการศึกษาด้วย ซึ่งเพิ่มจากระดับ 44.2% ในการศึกษาช่วง 3 เดือนก่อนหน้านั้น
คริสติน คลาร์ก จากศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งสหรัฐ (ซีดีซี) กล่าวถึงการศึกษาครั้งนี้ว่า การมีระดับแอนติบอดีหลังติดเชื้อโควิด ไม่ได้หมายความว่าได้รับการป้องกันจากการติดเชื้อในอนาคต และการศึกษาดังกล่าวไม่ได้เป็นการมองหาระดับแอนติบอดีที่ให้การป้องกันการติดเชื้อซ้ำหรือการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19 พร้อมย้ำว่า วัคซีนยังเป็นกลยุทธ์ที่ปลอดภัยที่สุด ในการป้องกันการเจ็บป่วยรุนแรงจากโควิด-19
ปัจจุบัน ยอดติดเชื้อสะสมในสหรัฐอเมริกา แตะระดับ 80.8 ล้านราย เพิ่มขึ้น 22.7% จากช่วงสัปดาห์ก่อน และอัตราการเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลจากโควิด-19 เพิ่มขึ้น 6.6% จากช่วงเวลาเดียวกัน ขณะที่ยอดเสียชีวิตจากโควิดในสหรัฐใกล้แตะระดับ 1 ล้านรายแล้ว
สำหรับอัตราการฉีดวัคซีน พบว่าตอนนี้กว่า 66% ของประชากรอเมริกันได้รับวัคซีนครบโดสแล้ว และเกือบ 46% ได้รับวัคซีนกระตุ้นภูมิ หรือ บูสเตอร์แล้ว