"บิล เกตส์"เซย์โน ไม่สนลงทุน"คริปโต-NFT"

'บิล เกตส์' ผู้ก่อตั้ง ไมโครซอฟท์ และ มหาเศรษฐีอันดับ 4 ของโลก เผยอีกครั้งในสัปดาห์นี้ ซึ่งเป็นอีกสัปดาห์แห่ง ความโกลาหลในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี ว่า เขาเองไม่คิดจะลงทุนใน เงินดิจิทัล สกุลใดๆเลย รวมทั้งในสินทรัพย์ NFT เพราะเขามองว่า โดยแท้จริงแล้วสิ่งที่เกิดขึ้นในตลาดคริปโตก็คือ 'ทฤษฎีคนโง่' ที่เอาไปหลอกขายให้ 'คนที่โง่กว่า'

สำนักข่าวซีเอ็นบีซีรายงานว่า เกตส์กล่าวระหว่างการพูดคุยในรายการ TechCrunch ซึ่งเป็นเนื้อหาในส่วนที่เกี่ยวกับ "ภาพรวมและแนวโน้มเศรษฐกิจ" เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (14 มิ.ย.) ว่า โดยความเห็นส่วนตัว ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว เขาขอไม่ลงทุนกับผลิตภัณฑ์คริปโตและ NFT ( Non-Fungible Token) อย่างเด็ดขาด เทียบกับฟาร์มปศุสัตว์ยังน่าสนใจกว่า เพราะมีผลผลิตเกิดขึ้นจริงเป็นรูปธรรม หรือบริษัทต่างๆ ที่ผลิตสินค้าจับต้องได้จริง ไม่ใช่สิ่งแทนค่าความรู้สึก หรือ "มโน" เอาว่ามันมีอยู่

เกตส์ ผู้ก่อตั้งและอดีตผู้บริหารไมโครซอฟต์ ผู้ให้บริการซอร์ฟแวร์ระบบปฏิบัติการคอมพิวเตอร์รายใหญ่ของโลก กล่าวอย่างเผ็ดร้อนเกี่ยวกับประเด็นตลาดคริปโตที่กำลังผันผวนอย่างรุนแรงในเวลานี้ โดยเฉพาะเหรียญบิตคอยน์ (Bitcoin) ซึ่งราคาปรับตัวลงกว่า 1 ล้านบาท มาแตะระดับ 7 แสนกว่าบาทเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ระบุว่า นี่เป็นทฤษฎีคนโง่ที่ยังมีคนโง่กว่า 100% เป็นคนโง่ที่เอาไปขายต่อให้คนโง่กว่าอีกทอดหนึ่ง เนื่องจากหวังกำไรที่เพิ่มมากขึ้นในอนาคต 

นอกจากนี้ เกตส์ยังได้สะท้อนมุมมองเชิงเสียดสีเกี่ยวกับรูปภาพลิงที่มีการนำไปทำตราประทับในบล็อกเชนมีราคาแพงว่า "มันคงจะทำให้โลกดีขึ้นอย่างมาก” ซึ่งเขาหมายถึงคอลเลกชันลิงในอิริยาบทต่างของ Bored Ape Yacht Club NFT ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่คนดัง ศิลปิน บรรดาไฮโซชั้นสูง กลุ่มนักธุรกิจสีเทาๆ รวมทั้งกลุ่มนักการเมืองในบางประเทศ ที่เข้ามาทำการประมูลซื้อขายกันด้วยราคาสูงๆ เพื่อแลกกับสิทธิพิเศษที่ได้จากการถือครองเหมือนเป็นบัตรสมาชิกของ Yacht Club

เกตส์มองว่านี่ไม่ต่างจากรูปแบบของการฟอกเงินในรูปแบบหนึ่ง อย่างไรก็ดี NFT คือโทเค็นที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงได้ คงรูปอยู่ในลักษณะใดลักษณะหนึ่ง เช่นภาพ เสียง วิดีโอ งานศิลปะหรือของสะสมจากกีฬาประเภทต่าง ๆ ที่ถูกนำเข้าบันทึกในระบบบล็อกเชน โดยจะนำมาซื้อขายกันในตลาดซื้อขาย NFT ยอดนิยมต่างๆ เช่น Opensea

NFT เหล่านี้มักถูกนักวิจารณ์มองว่าเป็นเพียงวัตถุที่ใช้เก็งกำไร ซึ่งบางชิ้นไม่มีมูลค่าอ้างอิงหนุนมูลค่าที่แท้จริง และอาจเป็นอันตรายต่อสิ่งแวดล้อม เพราะใช้ปริมาณพื้นที่ในการกระจายอำนาจจำนวนมาก เพิ่มปริมาณดาต้าที่ใช้ทั่วโลกต่อเนื่องทุกปี และสิ้นเปลืองทรัพยากรพลังงานสูงในการรับรองฉันทามติ เนื่องจากธรรมชาติของคริปโตและ NFT นั้น มีปริมาณมาก และส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นบนเครือข่าย Ethereum

“ผมคุ้นเคยกับสินทรัพย์แห่งความเป็นจริงที่จับต้องได้ เช่น ฟาร์มปศุสัตว์ที่มีผลผลิตเกิดขึ้นจริงให้เห็นเป็นรูปธรรม หรือบริษัทต่างๆที่ผลิตสินค้าจับต้องได้จริง ไม่ใช่การแทนค่าความรู้สึกหรือมโนเอาว่ามันมีอยู่” 

มหาเศรษฐีอย่างบิล เกตส์ ยังมีทัศนะว่า ในส่วนของคริปโตนั้น เขาขอไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวด้วยจะดีกว่า และยังกล่าวเสริมด้วยว่า ไม่ว่าจะระยะสั้นหรือระยะยาว "ผมขอไม่ลงทุนกับการลงทุนประเภทนี้อย่างเด็ดขาด"

ก่อนหน้านี้ในเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เกตส์เคยเปิดโอกาสให้ผู้ใช้แอปฯเรดดิตถามอะไรก็ได้ (Ask Me Anything - AMA) และมีผู้ใช้เรดดิตคนหนึ่งถามว่า เขาคิดอย่างไรกับบิตคอยน์และเงินคริปโตสกุลอื่นๆ ซึ่งในเวลานั้น เกตส์ก็เคยตอบเหมือนในวันนี้ว่า เขาไม่ได้ลงทุนในคริปโตสกุลใดๆ เพราะชอบลงทุนในสิ่งที่มีมูลค่ามากกว่า เช่น มูลค่าของบริษัทที่อิงกับผลิตภัณฑ์ที่ผลิต แต่มูลค่าของคริปโตนั้นตรงกันข้าม เพราะมันเป็นแค่ความคิดของคนๆหนึ่งที่คาดเดาว่า คนอื่นจะยอมจ่ายให้คริปโตสกุลนั้นๆ มากน้อยเพียงใด 

จุดยืนของเกตส์เกี่ยวกับสกุลเงินดิจิทัล สอดคล้องกับ วอร์เรน บัฟเฟตต์ มหาเศรษฐี ประธานบริษัทเบิร์กเชียร์ แฮธาเวย์ ที่เคยออกมากล่าวเตือนเช่นกันว่า เขาจะไม่ลงทุนในบิตคอยน์ หรือคริปโตสกุลอื่นใด เพราะเป็น "สินทรัพย์ที่ไม่ก่อเกิดประโยชน์ ไม่มีผลผลิตที่จับต้องได้"


สำหรับบิล เกตส์ เขามีความเห็นว่า เงินคริปโตเป็นหนึ่งในนวัตกรรมเทคโนโลยีที่ “ไม่มีเสียเลยยังจะดีกว่า” เพราะกลไกการทำงานของคริปโตเปิดช่องสำหรับการก่อกิจกรรมทุจริตและอาชญากรรมบางอย่างได้ 

ทั้งนี้ บิตคอยน์ ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิตอลที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในโลก ซื้อขายล่าสุดที่ระดับ 22,522.13 ดอลลาร์ ช่วงเช้าวันนี้ (16 มิ.ย. เวลา 07.00 น.) เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.48% ในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา หลังจากที่มีมูลค่าลดลงไปแล้วกว่าครึ่งนับตั้งแต่ต้นปีมา