วันนี้(วันที่ 21มิถุนายน 2565) สำนักข่าว BBC รายงานว่าภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ สัญลักษณ์ที่เคียงคู่ฮ่องกงมานานเกือบ 50 ปี ประสบเหตุล่ม จนจมสู่ก้นทะเลจีนใต้
ทั้งนี้ไม่ถึง 1 สัปดาห์ หลังภัตตาคารจัมโบ้ ซึ่งมีรูปทรงคล้ายพระราชวังจีนโบราณ หรือเรือลำยักษ์ใหญ่สไตล์ราชวงศ์หมิง ถูกลากจูงจากท่าเรืออะเบอร์ดีน ซึ่งเคยเป็นบ้านมายาวนานนับ 46 ปี ออกไปยังทะเลจีนใต้ ซึ่งไม่มีการเปิดเผยว่าจะเป็นที่ใด
แต่แล้ว ในขณะที่เรือลากจูงและเรือภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้กำลังผ่านหมู่เกาะพาราเซล ในทะเลจีนใต้ ต้องเผชิญกับสภาพอากาศเลวร้าย ทำให้น้ำเข้าเรือ จนเรือเอียง จมลงสู่ก้นทะเลจีนใต้ เมื่อ 19 มิ.ย.65 ขณะที่ลูกเรือได้รับบาดเจ็บ
ด้านบริษัทอะเบอร์ดีน เรสเตอรองค์ เอ็นเตอร์ไพรส์ บริษัทแม่ได้ ออกแถลงการณ์ว่าทางบริษัทมีความเสียใจอย่างยิ่งที่ภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ได้จมสู้ก้นทะเลจีนใต้ ที่ระดับความลึกกว่า 1,000 เมตร จึงถือเป็นเรื่องยากมากที่จะกู้เรือขึ้นมาได้
การอับปางจมสู่ก้นทะเลจีนใต้ของภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ ถือเป็นข่าวร้ายที่เกิดขึ้นตามมา หลังจากบริษัทเมลโค อินเตอร์เนชั่นแนล ดิเวลอปเมนต์ บริษัทเจ้าของภัตตาคารจัมโบ้ ได้ประกาศเมื่อกลาง มิ.ย. 2565 ว่า จำเป็นต้องปิดกิจการอย่างถาวร
เนื่องจากประสบปัญหาขาดทุนสะสมเกินกว่า 100 ล้านดอลลาร์ฮ่องกง หลังจากไม่เคยได้กำไรเลยมาตั้งแต่ปี 2563 เนื่องมาจากวิกฤติโควิด-19 ระบาดทั่วโลก จนต้องปิดให้บริการ
ถือเป็นการปิดตำนาน ภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ ที่ทำให้ชาวฮ่องกงรู้สึกใจหายเป็นอย่างยิ่ง หลังจากภัตตาคารลอยน้ำจัมโบ้ ถูกสร้างขึ้นในปี 2519 มีความยาวจากหัวเรือจรดท้ายถึง 76 เมตร และสามารถรองรับแขกได้มากถึง 2,300 คน จนกลายเป็นสัญลักษณ์ที่เคียงคู่กับฮ่องกงมายาวนานเกือบ 50 ปี
โดยภัตตาคารจัมโบ้ เคยต้อนรับแขกมาแล้วกว่า 30 ล้านคน รวมถึงแขกคนสำคัญที่มีชื่อเสียงระดับโลกมากมาย ทั้งสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และทอม ครูซ พระเอกฮอลลีวูดชื่อดัง