นายเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กล่าวยืนยันต่อคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภาสหรัฐวานนี้ (22 มิ.ย.) ว่า เฟดมีความมุ่งมั่นและมีความสามารถใน การสกัดเงินเฟ้อ ที่พุ่งขึ้นในสหรัฐ โดยส่วนหนึ่งของถ้อยแถลงระบุว่า
ภายในองค์กรของเฟดเข้าใจดีถึงผลกระทบจากเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้น และเฟดก็มีความมุ่งมั่นที่จะสกัดเงินเฟ้อให้ชะลอตัวลง ทั้งยังกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อไปสู่เป้าหมายดังกล่าว ทั้งนี้ เฟดมีทั้งเครื่องมือที่ต้องการ และมีความตั้งใจที่จะฟื้นฟูเสถียรภาพด้านราคาสำหรับครัวเรือนและภาคธุรกิจของชาวอเมริกัน
รายงานข่าวระบุว่า ในสัปดาห์นี้ นายพาวเวลล์มีกำหนดกล่าวแถลงการณ์รอบครึ่งปีว่าด้วยนโยบายการเงินและภาวะเศรษฐกิจสหรัฐต่อสภาคองเกรสในวันที่ 22 มิ.ย. รอบของคณะกรรมาธิการการธนาคารประจำวุฒิสภา และวันที่ 23 มิ.ย. รอบของคณะกรรมาธิการบริการการเงินประจำสภาผู้แทนราษฎร หลังจากที่เฟดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 28 ปีเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว (15 มิ.ย.)
นายพาวเวลล์ระบุถึงเศรษฐกิจสหรัฐว่า ยังอยู่ในภาวะที่น่าพึงพอใจ โดยมีตลาดแรงงานที่แข็งแกร่งเป็นพื้นฐาน ขณะที่อุปสงค์อยู่ในระดับสูง แต่เขาก็ยอมรับว่า เงินเฟ้ออยู่ในภาวะที่ร้อนแรงเกินไป และจำเป็นที่จะต้องชะลอตัวลง
"ในช่วงหลายเดือนข้างหน้า เรากำลังมองหาหลักฐานที่แสดงว่าเงินเฟ้อได้ปรับตัวลงกลับสู่เป้าหมาย 2% และเราคาดหวังว่าการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในอนาคตจะมีความเหมาะสม โดยอัตราการปรับอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เราได้รับ และแนวโน้มเศรษฐกิจที่เปลี่ยนแปลงไป"
นอกจากนี้ นายพาวเวลล์ยังตั้งข้อสังเกตว่า สงครามในยูเครนและการที่จีนใช้มาตรการล็อกดาวน์เพื่อสกัดการแพร่ระบาดของโควิด-19 กำลังเป็นปัจจัยเพิ่มแรงกดดันเงินเฟ้อ ซึ่งปัญหาดังกล่าวไม่ได้เกิดเฉพาะในสหรัฐ แต่มีผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก อย่างไรก็ตาม ประธานเฟดย้ำว่า มาตรการคุมเข้มทางการเงินถือเป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อ และเศรษฐกิจสหรัฐในขณะนี้ก็สามารถรับมือกับอัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น