ทางการ มาเก๊า เตรียมสั่งปิดธุรกิจ-ร้านค้า-ภาคอุตสาหกรรมเกือบทั้งหมด ซึ่งครอบคลุมถึงสถานบันเทิง และ กาสิโน เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์ เริ่มตั้งแต่วันจันทร์ (11 ก.ค.) ขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามเร่งควบคุมการระบาดของ โรคโควิด-19 ที่กลับมาพุ่งขึ้นอีกครั้ง
เจ้าหน้าที่ของมาเก๊าประกาศในการแถลงข่าวช่วงสุดสัปดาห์ (9 ก.ค.) ว่า แม้จะมีมาตรการล็อกดาวน์ภาคธุรกิจส่วนใหญ่ออกมาดังกล่าว แต่ภาคบริการที่จำเป็น เช่น โรงแรม ซูเปอร์มาร์เก็ต และร้านขายยา จะยังคงเปิดให้บริการตามปกติ
การประกาศดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่มาเก๊าพบผู้ป่วยโควิดเพิ่มอีก 71 รายเมื่อวันเสาร์ (9 ก.ค.) ส่งผลให้ยอดรวมอยู่ที่ 1,374 รายตั้งแต่กลางเดือนมิ.ย. และมีผู้ที่อยู่ระหว่างกักตัวอีกกว่า 17,000 คน
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า เจ้าหน้าที่ได้ใช้โรงแรมอีก 2 แห่งในกาสิโนรีสอร์ทเป็นสถานพยาบาลสำหรับผู้ติดเชื้อโควิด-19 เมื่อวันศุกร์ (8 ก.ค.) ประกอบด้วยโรงแรมแกรนด์ ลิสบัว พาเลซ (Grand Lisboa Palace) และโรงแรมแกรนด์ ไฮแอท โฮเทล (Grand Hyatt) โดยทั้งสองโรงแรมมีห้องพักรวมกันทั้งหมดเกือบ 800 ห้อง เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการรับมือกับการแพร่ระบาด
ก่อนหน้านี้ ทางการมาเก๊าได้ใช้โรงแรมแซนด์ ไชน่า เชอราตัน (Sands China's Sheraton hotel) และลอนดอนเนอร์ รีสอร์ท (Londoner resort) เป็นศูนย์กักตัวผู้ติดเชื้อโควิด-19
แม้ว่าชาวมาเก๊ากว่า 90% จะได้รับวัคซีนป้องกันโควิดครบทั้งสองโดสแล้ว แต่การระบาดครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกที่มาเก๊าต้องต่อสู้กับการระบาดที่ขยายวงกว้างอย่างรวดเร็วเนื่องจากไวรัสโควิดกลายพันธุ์ “โอมิครอน”
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ข้อจำกัดล่าสุดของการล็อกดาวน์ หรือ "ปิดเมือง" เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของโควิดที่ได้ชื่อว่า “ครั้งเลวร้ายที่สุด” ของมาเก๊า ครอบคลุมการสั่งห้ามประชาชนออกจากที่พักอาศัย เว้นแต่มีเหตุผลจำเป็น เช่น ซื้อของกินของใช้ และดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ลำพัง การจำกัดจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการในตลาดในช่วงเวลาเดียวกัน และการยุติการให้บริการรถไฟฟ้า LRT ซึ่งเป็นบริการขนส่งสาธารณะ นอกจากนี้ บรรดาไรเดอร์ พนักงานที่ให้บริการส่งสินค้า-อาหาร พนักงานรักษาความปลอดภัย และพนักงานทำความสะอาด ต้องเข้ารับการตรวจหาเชื้อแบบ PCR “ทุกวัน” ตลอดช่วงล็อกดาวน์ 7 วันนี้
ภายใต้นโยบาย “โควิดเป็นศูนย์” ซึ่งเป็นนโยบายที่ส่งทอดมาจากรัฐบาลจีนแผ่นดินใหญ่ หากเกิดตรวจพบผู้ติดเชื้อโควิดรายใหม่ขึ้นมา ทางการจะเร่งย้อนรอยตรวจหาผู้เสี่ยงสัมผัสและขยายวงการตรวจหาเชื้อเพิ่มเติมเป็นวงกว้าง เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด ก่อนหน้านี้ มาเก๊าได้สั่งปิดโรงเรียน พื้นที่สาธารณะ และสถานบันเทิงมาแล้ว ซึ่งรวมถึงผับบาร์ และโรงภาพยนตร์
นอกจากนี้ ยังสั่งปิดชั่วคราว โรงแรมและกาสิโน “แกรนด์ ลิสบัว” ของบริษัทเอสเจเอ็ม โฮลดิ้งส์ หลังพบคลัสเตอร์การแพร่ระบาดที่มีความเชื่อมโยงกับสถานที่ดังกล่าว ซึ่งมีผู้ติดเชื้อจำนวนรวม 13 ราย และผู้ที่ต้องถูกกักตัวถึง 500 ราย
มาเก๊าเป็นเขตปกครองพิเศษของจีน เศรษฐกิจพึ่งพารายได้จากธุรกิจการพนันและกาสิโน ราว 80% ดังนั้น ตลอดมาทางการมาเก๊าจึงพยายามหลีกเลี่ยงการปิดบ่อนกาสิโนมาโดยตลอด สถิติชี้ว่า ที่ผ่านมาเคยมีการปิดธุรกิจกาสิโนเพียงครั้งเดียวคือในเดือนกุมภาพันธ์ปี 2563
มาตรการล่าสุดทำให้ดัชนีหุ้นกลุ่มกาสิโนของมาเก๊าดิ่งลง 6.3% ในช่วงเช้าวันจันทร์ (11 ก.ค.) และทรุดตัวลงกว่า 20% นับตั้งแต่ต้นปีนี้ โดยหุ้นของบริษัท Sands China ร่วงหนักสุดถึง 9% ส่วนหุ้นของ Wynn Macau ร่วงลง 7.8%