"เพโลซี" ถึงญี่ปุ่นเข้าพบ “คิชิดะ” ถกร่วมรักษาสันติภาพช่องแคบไต้หวัน

05 ส.ค. 2565 | 07:07 น.
อัปเดตล่าสุด :05 ส.ค. 2565 | 14:23 น.

นายกฯญี่ปุ่น และนางเพโลซี ประธานสภาผู้แทนฯสหรัฐ ตกลงร่วมกันวันนี้ (5 ส.ค.) ที่จะทำงานร่วมกันเพื่อรับประกันสันติภาพและเสถียรภาพในช่องแคบไต้หวัน หลังการเดินทางเยือนไต้หวันของนางเพโลซีสร้างความไม่พอใจให้กับจีน จนนำไปสู่การซ้อมรบที่ทำให้สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาก

นายฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น แสดงความหวังว่า นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ จะยังคงแสดงความเป็นผู้นำในการยกระดับความสัมพันธ์ทวิภาคีและสร้างภูมิภาคอินโดแปซิฟิกที่ “เสรีและเปิดกว้าง” ซึ่งเป็นวิสัยทัศน์ที่ทั้งสองประเทศผลักดันเพื่อรักษาประชาธิปไตยและหลักนิติธรรม "เรายืนยันว่าเราจะทำงานร่วมกันเพื่อให้แน่ใจว่าช่องแคบไต้หวันจะมีสันติภาพและเสถียรภาพต่อไป"

 

นายคิชิดะกล่าวว่า "พฤติกรรมของจีนสร้างผลกระทบร้ายแรงให้กับสันติภาพและเสถียรภาพของภูมิภาคและของโลก และผมขอเรียกร้องให้จีนหยุดการซ้อมรบในทันที"

นายคิชิดะหารือความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นและสหรัฐ กับนางเพโลซี เช้าวันนี้ (5 ส.ค.)

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า นางเพโลซีเดินทางเยือนญี่ปุ่นเป็นทริปสุดท้ายของการเดินทางเยือนเอเชียในช่วงสัปดาห์นี้ ซึ่งนางเพโลซีได้เดินทางเยือนสิงคโปร์ มาเลเซีย ไต้หวัน (อยู่นอกกำหนดการอย่างเป็นทางการ) และเกาหลีใต้ ก่อนจะเดินทางสู่ญี่ปุ่น โดยหลายชั่วโมงก่อนเครื่องบินของนางเพโลซีจะเดินทางถึงญี่ปุ่นนั้น จีนได้ยิงขีปนาวุธทิ้งตัวอย่างน้อย 9 ลูก ซึ่ง 5 ลูกในจำนวนนั้นได้ตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ) ของญี่ปุ่น

ในการพบกันครั้งนี้ นายคิชิดะและนางเพโลซียังได้หารือเกี่ยวกับ “ความท้าทาย” อื่น ๆ สำหรับทั้ง 2 ประเทศ ซึ่งรวมถึงเกาหลีเหนือที่ครอบครองอาวุธนิวเคลียร์ และรัสเซียหลังการรุกรานยูเครน เช่นเดียวกับความพยายามที่จะทำให้โลกปราศจากอาวุธนิวเคลียร์ซึ่งเป็นเป้าหมายของนายคิชิดะ

 

ทั้งนี้ ความขัดแย้งระหว่างจีนกับสหรัฐอาจส่งผลกระทบต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น เพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศพันธมิตรที่มีความสัมพันธ์ทั้งด้านเศรษฐกิจและความมั่นคงที่ใกล้ชิดกับสหรัฐอเมริกา

 

นางเพโลซี  เป็นประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐคนแรกในรอบ 25 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 1997 ที่เดินทางเยือนไต้หวัน ซึ่งเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับจีน และนำไปสู่การซ้อมรบครั้งใหญ่รอบเกาะไต้หวัน ยิ่งเป็นการเพิ่มความตึงเครียดด้านความมั่นคงในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิก

การซ้อมรบของจีนทำให้มีขีปนาวุธตกลงในเขตเศรษฐกิจจำเพาะของญี่ปุ่นถึง 5 ลูก

การซ้อมรบของจีนครั้งนี้เป็นการซ้อมรบที่ใช้กระสุนจริงครั้งใหญ่ที่สุด และยังมีการยิงขีปนาวุธจำนวนหนึ่งตกลงนอกชายฝั่งไต้หวันด้วย อีกทั้งส่วนหนึ่งไปตกในเขตเศรษฐกิจจำเพาะ (EEZ)ของญี่ปุ่น สถานีโทรทัศน์ของทางการจีน ได้เผยแพร่ภาพการยิงขีปนาวุธหลายลูกจากฐานยิงบนพื้นดินและกองบัญชาการภาคตะวันออกของจีน โดยเป็นการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลหลายลูกตกนอกชายฝั่งภาคตะวันออกของไต้หวัน และขีปนาวุธทุกลูกทำลายเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ

 

การยิงขีปนาวุธดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของการซ้อมรบกระสุนจริงใน 6 จุดรอบเกาะไต้หวันที่เริ่มขึ้นเมื่อช่วงเที่ยงของวันพฤหัสบดี (4 ส.ค.) ตามเวลาท้องถิ่น และจะสิ้นสุดในวันอาทิตย์นี้ (7 ส.ค.)

 

กระทรวงกลาโหมไต้หวัน ยืนยันว่า ขีปนาวุธ “ตงเฟิง” ของจีนถูกยิงใส่น่านน้ำนอกชายฝั่งทางตะวันออกเฉียงเหนือและตะวันตกเฉียงใต้ของไต้หวัน ซึ่งการซ้อมรบดังกล่าว ไต้หวันถือเป็นการละเมิดกฎข้อบังคับของสหประชาชาติ(ยูเอ็น) รุกล้ำน่านฟ้าไต้หวัน และท้าทายโดยตรงต่อการเดินเรือและการเดินอากาศ “กองทัพจะเฝ้าจับตากิจกรรมของศัตรูรอบทะเลของไต้หวันและเกาะรอบนอกอย่างใกล้ชิด เราจะดำเนินการต่อเรื่องนี้อย่างเหมาะสม” แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมไต้หวันระบุ

 

สื่อต่างประเทศรายงานว่า นักท่องเที่ยวจีนบนเกาะผิงถานในมณฑลฝูเจี้ยนของจีน ซึ่งเป็นจุดที่อยู่ใกล้ไต้หวันมากที่สุด สามารถมองเห็นกลุ่มควันจากการยิงขีปนาวุธของกองทัพจีนได้อย่างชัดเจน แต่พวกเขาดูจะไม่ได้แสดงความหวาดวิตกใด ๆ บางคนยังบันทึกภาพไว้ด้วย โดยนักท่องเที่ยวคนหนึ่งกล่าวว่า เขามั่นใจว่าจีนมีความแข็งแกร่งมากพอที่จะรวมไต้หวันกลับเข้าเป็นส่วนหนึ่งของจีน

 

สื่อทางการจีนรายงานว่า การซ้อมรบครั้งนี้มุ่งฝึกซ้อมการปิดล้อมไต้หวัน และโจมตีเป้าหมายทางทะเลและทางบก รวมทั้งการควบคุมน่านฟ้า ส่วนเป้าหมายการยิงขีปนาวุธ คือการทดสอบความแม่นยำของขีปนาวุธและศักยภาพในการสกัดกั้นศัตรูไม่ให้เข้าถึงหรือควบคุมพื้นที่ได้ ก่อนหน้านี้ จีนเคยยิงขีปนาวุธใส่น่านน้ำรอบ ๆ ไต้หวันครั้งล่าสุดคือในปี 2539