‘เปเล่’ ตำนานลูกหนังชาวบราซิล หรือในชื่อจริง 'เอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู' เจ้าของฉายา “ไข่มุกดำ” เสียชีวิตอย่างสงบวานนี้ (29 ธ.ค.) หลังต่อสู้กับ โรคมะเร็งลำไส้ รวมทั้งโรคอื่นๆที่รุมเร้ามายาวนาน สิริอายุ 82 ปี
แถลงการณ์ของโรงพยาบาลอัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ ในเมืองเซาเปาโล ประเทศบราซิล ที่ซึ่งเปเล่เข้ารับการรักษา ระบุว่า ราชาลูกหนังอันเป็นตำนานที่เกรียงไกรของวงการฟุตบอลโลก เสียชีวิตเมื่อเวลา 15.27 น. (ตามเวลาท้องถิ่น) ของวันพฤหัสบดี (29 ธ.ค.) ด้วยอาการอวัยวะต่างๆในร่างกายทำงานล้มเหลวซึ่งเป็นผลของโรคมะเร็งลำไส้และโรคอื่นๆที่เขาเป็นอยู่
นับเป็นการจากไปของราชาลูกหนังที่เป็นผู้เดียวที่สามารถนำทีมชาติบราซิลคว้าแชมป์บอลโลกถึง 3 สมัย อินสตาแกรมของเปเล่ขึ้นข้อความเมื่อวานนี้ (29 ธ.ค.) ว่า “แรงบันดาลใจและความรักเป็นที่ประจักษ์ในเส้นทางชีวิตของราชันเปเล่ ผู้ซึ่งจากไปแล้วอย่างสงบในวันนี้”
ในวันเดียวกัน บรรดานักเตะชื่อดังระดับโลกพากันโพสต์ข้อความบนสื่อโซเชียลร่วมแสดงความอาลัยต่อการจากไปของเปเล่ ไม่ว่าจะเป็น ‘ เนย์มาร์’ กองหน้าทีมชาติบราซิล โพสต์อินสตาแกรมส่วนตัว ระบุข้อความ “ก่อนหน้ายุคของเปเล่ เบอร์ 10 มันเป็นแค่ตัวเลข ผมได้เห็นประโยคนี้อยู่บ่อยครั้ง แต่ประโยคนี้มันยังไม่สมบูรณ์ ผมเองอยากจะบอกว่า ก่อนหน้ายุคของเปเล่ ฟุตบอลเป็นแค่กีฬาประเภทหนึ่ง แต่เปเล่เข้ามาทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนฟุตบอลให้กลายเป็นศิลปะ เป็นความบันเทิง”
เนย์มาร์ยังกล่าวด้วยว่า เปเล่เป็นผู้มีชื่อเสียงที่ได้รับการสรรเสริญทั้งในและนอกสนามการแข่งขัน “เขาเป็นกระบอกเสียงให้คนจน คนผิวสี และที่สำคัญที่สุด เขาทำให้บราซิลมีตัวตน ฟุตบอลและบราซิลมีตัวตนขึ้นมาเพราะราชันคนนี้ เขาจากไปแล้ว แต่มนตร์แข้งของเขายังคงอยู่ เปเล่เป็นอมตะ!!”
ด้านคริสเตียโน โรนัลโด ดาวเตะทีมชาติโปรตุเกส โพสต์ข้อความไว้อาลัยเปเล่ โดยระบุว่า “ผมขอแสดงความเสียใจต่อชาวบราซิลทุกคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครอบครัวของคุณเอดซง อารังชีส ดู นาซีเมงตู (ชื่อจริงของเปเล่) การโบกมืออำลาเปเล่ ผู้เป็นราชันอมตะ มันไม่เพียงพอที่จะแสดงถึงความรู้สึกเจ็บปวดของวงการฟุตบอลทั่วโลก”
ขณะที่ ลีโอเนล เมสซี ดาวยิงกัปตันทีมชาติอาร์เจนตินาชุดแชมป์ฟุตบอลโลก 2022 โพสต์อินสตาแกรมไว้อาลัยเปเล่เพียงสั้นๆ แต่ได้ใจความว่า “ขอให้เปเล่ ไปสู่สุคติ” เช่นเดียวกับ คีลิยัน เอ็มบัปเป ยอดดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศส โพสต์ในทวิตเตอร์ส่วนตัวว่า “ราชาลูกหนังโลกจากเราไปแล้ว แต่ชื่อเสียงของเขาจะเป็นที่จดจำไปตลอดกาล ขอให้ราชาไปสู่สุคติ” ตามด้วยอีโมจิหัวใจที่แหลกสลายและมงกุฎราชา
ทั้งนี้ ชื่อเสียงของ ‘เปเล่’ เกิดจากความเพียรพยายามของเขาเองโดยแท้ เขาเกิดที่เมืองเตรสโกราโซยส์ รัฐมีนัสเชไรส์ แต่ไปเติบโตที่เมืองยากจนอย่างเมืองเบารู รัฐเซาเปาโล ทำให้นอกจากการฝึกซ้อมฟุตบอลแล้ว ในเวลาว่างเปเล่ยังต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้าในละแวกบ้านและสโมสรฟุตบอลประจำเมือง ไปจนถึงสถานีรถไฟโนรีเอสเต
เปเล่เริ่มหัดเตะฟุตบอลโดยมีพ่อของเขาคอยสอนตั้งแต่เริ่มวิ่งได้ แต่ก็ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะลูกฟุตบอลถือเป็นสิ่งของราคาแพงเกินกว่าครอบครัวของเขาจะหาซื้อได้ ทำให้เขาต้องใช้ถุงเท้า ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาม้วนเป็นก้อนกลมแล้วมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าให้แน่น เพื่อให้ใกล้เคียงลูกฟุตบอลที่สุด และเมื่ออายุได้ 6 ขวบ เขาก็ได้ลูกฟุตบอลลูกแรกจากพ่อ ซึ่งหลังจากนั้น เปเล่ก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังมืออาชีพ โดยเมื่อเขาอายุ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมทีม "สโมสร 7 กันยา" ซึ่งชื่อทีมดังกล่าวสื่อถึงวันเอกราชของบราซิลอีกด้วย
เปเล่ในวัย 13 ปี ได้รับการชักชวนจาก วัลเดมาร์ เดอ บริโต ให้เข้าร่วมในทีมฟุตบอลสมัครเล่น แต่เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ประจำรัฐได้ถึง 3 ปี ติดต่อกัน เป็นการเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวเมื่อเขาอายุ 15 ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเยาวชนของ ซานโตส (Santos Futebol Clube) หรือ Santos FC junior team ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพและนักเตะทีมชาติที่สร้างตำนานบทใหม่ในเวลาต่อมา
เปเล่เล่นให้ซานโตสฯ ในตำแหน่งกองหน้าและกองกลางตัวรุก ซึ่งในเกมแรกเขาสามารถยิงได้ถึง 4 ประตู คว้าชัยชนะไปครอง และยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดจนเป็นดาวยิงของลีก นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของ ราชาลูกหนังโลก เพราะเมื่อเขาอายุ 17 ปี ก็ได้เป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลลงสู้ศึกฟุตบอลโลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน
นอกจากนี้ เขายังเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศและเป็นนักเตะทีมชาติอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ยิงประตูได้ถึง 7 ประตู อีกด้วย หลังจากนั้นทำให้ชื่อของเปเล่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีเท้าอันเป็นที่ประจักษ์ และการคว้าชัยชนะให้ทีมชาติบราซิลถึง 3 สมัย
หากนับรวมประตูทั้งหมดที่เปเล่ยิงได้ในฐานะนักเตะสโมสรและในฐานะนักเตะทีมชาติตั้งแต่ปีค.ศ. 1957–1971 รวม 1,301 ประตู จากทั้งหมด 1,390 นัดด้วยกัน เป็นเครื่องการันตีว่าฉายา “ราชาลูกหนังโลก” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย หลังจากนั้นในปี 1977 เปเล่เกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ ก่อนจะเข้าสู่บทบาททางการเมือง ด้วยการเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีกระทรวงกีฬาคนแรกของบราซิลระหว่างปี 1990-1998 และหันมาช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสผ่านมูลนิธิเปเล่ในปี 2018
สำหรับนักฟุตบอลรุ่นหลังไม่เพียงแค่ในบราซิล แต่รวมถึงนักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลกนั้น ยกให้เปเล่เป็นไอดอลและเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาและการเสียสละเพื่อทีมชาติ
ลาก่อนเปเล่ ผู้เป็นทั้งไอดอลและแรงบันดาลใจ ขอให้คุณไปสู่สุคติ พวกเราจะจดจำคุณตลอดไป