บริษัท เทสลา (Tesla) ยักษ์ใหญ่ยานยนต์ไฟฟ้าจากสหรัฐอเมริกา ประกาศ ลดราคารถยนต์ไฟฟ้า ใน ตลาดจีน เป็นครั้งที่สองในรอบไม่ถึง 3 เดือนเมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า ความเคลื่อนไหวครั้งนี้จะนำไปสู่สงครามราคา ในขณะที่ความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าลดลงในจีน ซึ่งเป็นตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลก
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานความเคลื่อนไหวของค่ายเทสลาครั้งนี้ว่า ทางบริษัทได้ประกาศลดราคารถไฟฟ้า 2 รุ่นขายดี ประกอบด้วย
และไม่เพียงเฉพาะในประเทศจีนเท่านั้น แต่ การลดราคายังครอบคลุมถึงตลาดประเทศญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และออสเตรเลียด้วย ซึ่งแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับแผนการดังกล่าวของเทสลาระบุว่า เป็นความพยายามของเทสลาที่จะกระตุ้นความต้องการรถยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตจากโรงงานในนครเซี่ยงไฮ้ของจีน ซึ่งเป็นศูนย์ผลิตรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งเดียวของเทสลา
ที่ว่าลดราคานั้น ลดกันมากน้อยแค่ไหน
การประกาศลดราคารถรุ่นยอดนิยมครั้งนี้ เป็นการเคลื่อนไหวครั้งแรกของเทสลานับตั้งแต่ที่มีการแต่งตั้งนายทอม จู ผู้บริหารตลาดจีนและเอเชีย ให้เป็นผู้ดูแลผลผลิตและการส่งมอบรถยนต์เทสลาทั่วโลก ภารกิจนี้นับเป็นความท้าทายสำคัญของบริษัท หลังจากที่ในปี 2565 เทสลาไม่สามารถส่งมอบรถยนต์ได้ตรงตามเป้าหมาย
การลดราคารถยนต์เทสลาในจีนครั้งล่าสุดและครั้งก่อนหน้านี้ในเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ตลอดจนข้อเสนอต่าง ๆ ที่มีให้กับผู้ซื้อชาวจีน เทสลาได้ลดราคารถยนต์ไฟฟ้าลงประมาณ 13%-24% ตั้งแต่เดือนกันยายน 2565 โดยประเทศจีนนั้น ถือเป็นตลาดรถยนต์เทสลาที่ใหญ่ที่สุดเป็นอันดับสอง รองจากสหรัฐอเมริกา
จากการคำนวณของรอยเตอร์ เทสลาหั่นราคารถรุ่น Model 3 และ Model Y ในตลาดจีนประมาณ 6%-13.5% โดยลดราคา Model 3 จาก 265,900 หยวน (1,309,500 บาท) เป็น 229,900 หยวน (1,132,270 บาท) ซึ่งต่ำกว่าราคารถรุ่นเดียวกันที่จำหน่ายในสหรัฐอเมริกาถึง 24%-32%
ส่วนที่ตลาดญี่ปุ่น เทสลาลดราคารุ่น Model 3 และ Model Y ลง 10% ซึ่งเป็นการลดราคาครั้งแรกในตลาดแห่งนี้ในรอบเกือบ 2 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นมา
การขยับตัวในเรื่องนี้ ทำให้หุ้นของเทสลาไต่ขึ้นมา 1.5% ในการซื้อขายเมื่อวันศุกร์ (6 ม.ค.) แต่ในปีที่ผ่านมา มูลค่าหุ้นของบริษัทตกดิ่งลงไปถึง 70% ทั้งจากความต้องการของตลาดที่ลดลง และการที่บริษัทไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามแผน
สำหรับตลาดยุโรป ที่ผ่านมายังไม่มีสัญญาณว่าจะมีการลดราคารถยนต์ของเทสลา ที่ยอดขายปีต่อปีพุ่งสูง 93% ในเดือนพ.ย.ที่ผ่านมา (ข้อมูลจากการรวบรวมโดย JATO Dynamics) โดยมีรุ่น Model Y เป็นรถยนต์ที่ขายดีที่สุดสองปีติดต่อกันในปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ในเดือน พ.ย. 2565 ส่วนแบ่งทางการตลาดรถยนต์ไฟฟ้าของเทสลาในตลาดยุโรปยังเพิ่มขึ้น 18.9% จากเดิม 12.3%
นำล่องลดราคาไปแล้วในตลาดสหรัฐ
ในเดือนธ.ค.ที่ผ่านมา เทสลาทำโปรโมชั่นพิเศษให้ส่วนลดมูลค่าสูงสุดคันละ 7,500 ดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 261,000 บาท (ณ อัตราแลกเปลี่ยน 34.80 บาทต่อดอลลาร์ในช่วงเวลานั้น) สำหรับรถ 2 รุ่นยอดนิยม คือ Model 3 และ Model Y ไปล่วงหน้าแล้วเฉพาะลูกค้าในตลาดสหรัฐ แต่ก็สิ้นสุดโปรโมชั่นในเดือนธ.ค.นั้นเอง
เว็บไซต์เทคสตอรี (Techstory) ระบุว่า นี่เป็นโปรโมชันใหญ่ที่สุดเท่าที่เทสลาเคยทำมา และเป็นการให้ส่วนลดมากกว่าเดิมที่เคยวางแผนไว้ว่าจะลดคันละ 3,750 ดอลลาร์เท่านั้น นักวิเคราะห์มองว่า ความเคลื่อนไหวของเทสลาครั้งนี้เป็นไปตามสภาวะตลาดที่ความต้องการซื้ออ่อนกำลังลง ทำให้บริษัทต้องกระตุ้นการขายด้วยการลดราคาลงมา แต่เนื่องจากโปรโมชันดังกล่าวมีผลกับรถยนต์ที่ขายในสหรัฐเท่านั้น ทำให้การประกาศลดราคาไม่ส่งผลกระทบมาสู่ราคาที่ประเทศอื่นๆ รวมทั้งไทยที่รับรถยนต์เทสลามาจากจีน
ดังนั้น การที่เทสลาประกาศลดราคาสำหรับตลาดจีน รวมทั้งประเทศอื่นๆ ในเอเชียที่นำเข้ารถเทสลาจากโรงงานที่เซี่ยงไฮ้ ก็ทำให้เป็นที่คาดหวังกันว่าอานิสงส์นั้นอาจจะตกมาถึงตลาดไทยด้วยหรือไม่
อัพเดทล่าสุดจันทร์ที่ 9 ม.ค.66 เทสลาขยายการมอบส่วนลดรถ EV มาถึงลูกค้าในสิงคโปร์แล้ว โดยตัวแทนฝ่ายขายของเทสลาเปิดเผยว่า ได้เริ่มมอบส่วนลดในสิงคโปร์แก่ผู้ที่ตกลงซื้อรถรุ่น Model 3 และรุ่น Model Y ที่มีอยู่ในคลังสินค้า ซึ่งบริษัทเสนอมอบส่วนลด 5,000 ดอลลาร์สำหรับผู้ซื้อที่นำรถยนต์สันดาปภายในมาแลก และจะให้เครดิตอีก 5,000 ดอลลาร์ สำหรับค่าใบรับรองเพื่อใช้งานรถยนต์ในสิงคโปร์
ไม่เพียงเท่านั้น เทสลาจะแจกตัวชาร์จติดผนังสำหรับการชาร์จให้ผู้ซื้อที่มีสถานที่ติดตั้งในบ้าน แต่ลูกค้าจะต้องจ่ายค่าติดตั้งเอง รายงานข่าวของรอยเตอร์ระบุ โปรโมชันดังกล่าวจะมอบให้ในเวลาจำกัด และมีขึ้นเพียงไม่กี่วันหลังจากเทสลาประกาศลดราคาในจีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
ยอมลดราคาเพื่อรักษาการเติบโต
บริษัทผลิตรถยนต์มักจะใช้กลยุทธ์ต่าง ๆ กระตุ้นความต้องการของผู้บริโภค เพื่อเป็นการควบคุมคลังสินค้าของตนเอง แต่ที่ผ่านมา เทสลาสามารถรักษาระดับราคารถยนต์ไฟฟ้าของบริษัท หรือแม้แต่ขึ้นราคารถยนต์เมื่อความต้องการเพิ่มสูงขึ้น จนกระทั่งถึงช่วงปลายปีที่ผ่านมา (2565) เมื่อสถานการณ์เศรษฐกิจมาถึงจุดที่ทำให้นายอีลอน มัสก์ ซีอีโอของเทสลาต้องออกปากว่า การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่รุนแรง(ของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด) ส่งผลกระทบต่อความสามารถของผู้บริโภคในการซื้อรถยนต์ทั้งใหม่และเก่า และทำให้เทสลาอาจจะต้องลดราคาเพื่อรักษาการเติบโตของบริษัทเอาไว้
เกรซ เต๋า รองประธานด้านการสื่อสารภายนอกองค์กรของเทสลา กล่าวผ่านทางเว่ยโป๋ สื่อสังคมออนไลน์ของจีนว่า การลดราคาในจีนแสดงให้เห็นถึงนวัตกรรมด้านวิศวกรรมและเป็นการตอบสนองนโยบายของรัฐบาลกรุงปักกิ่งที่ต้องการกระตุ้นการบริโภคและการพัฒนาทางเศรษฐกิจ
ในเดือนธันวาคมที่ผ่านมา การส่งมอบรถเทสลาที่ผลิตในโรงงานจีนที่นครเซี่ยงไฮ้อยู่ในระดับต่ำที่สุดในรอบ 5 เดือน โรงงานแห่งนี้มีการเพิ่มการผลิตเมื่อปีที่แล้ว และยังได้ส่งออกรถยนต์ไปยังยุโรปอีกด้วย
การแข่งขันสูง-อุปสงค์ชะลอ แนวโน้มราคาอาจลดอีก
การลดราคาของเทสลาครั้งล่าสุด เกิดขึ้นหลังจากที่รัฐบาลกรุงปักกิ่งได้ยุติโครงการให้เงินอุดหนุน ซึ่งทำให้ความต้องการของผู้บริโภคลดลง และส่งผลให้เทสลาและบริษัทคู่แข่งอื่น ๆ ต่างก็ได้รับผลกระทบในครั้งนี้
นักวิเคราะห์ของธนาคาร China Merchants Bank International (CMBI) กล่าวถึงแนวโน้มต่อไปในอนาคตว่า เทสลาอาจจะต้องลดราคามากกว่าเดิม เพื่อเพิ่มยอดขายในตลาดรอง ๆ ลงไปของจีน เพราะการแข่งขันกับคู่แข่งสัญชาติจีนเองนั้นมีแนวโน้มจะเพิ่มสูงขึ้น
CMBI ยังคาดการณ์ว่า ความสามารถในการผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ในจีน จะมีมากกว่าความต้องการรถใหม่ในปี 2566 นี้ด้วย