วารสารเนเจอร์ เมดิซีน เปิดเผยข้อมูลผลการศึกษาเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา (13 ม.ค.) ว่า ประชากรเกือบทั้งหมดจาก 22 ล้านคนใน กรุงปักกิ่ง เมืองหลวงของสาธารณรัฐประชาชนจีน จะ ติดเชื้อโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนม.ค.นี้ ซึ่งสะท้อนถึงสถานการณ์โรคระบาด ที่แพร่กระจายอย่างรวดเร็วใน จีน โดยประชากรราว 92% ในกรุงปักกิ่งจะติดเชื้อโควิด-19 ภายในสิ้นเดือนม.ค. ขณะที่ 76% ติดเชื้อไปแล้วภายในวันที่ 22 ธ.ค.ที่ผ่านมา
นับตั้งแต่รัฐบาลจีนผ่อนปรนมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ในเดือนพ.ย.2565 และ ยกเลิกนโยบายโควิดเป็นศูนย์ (Covid Zero) แบบกะทันหันในเดือนธ.ค. การแพร่กระจายของโควิดก็รวดเร็วยิ่งขึ้น โดยอัตราการแพร่เชื้อเพิ่มขึ้นแตะระดับ 3.44 หลังการเปลี่ยนแปลงนโยบายดังกล่าว ซึ่งหมายความว่าผู้ติดเชื้อ 1 รายสามารถแพร่เชื้อให้กับบุคคลอื่นได้ 3.44 ราย
จากรายงานของสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า ยอดผู้ติดเชื้อโควิด-19 ในครัวเรือนจีนเพิ่มสูงขึ้นนับตั้งแต่จีนตัดสินใจปรับเปลี่ยนนโยบายจาก “โควิดเป็นศูนย์” มาเป็นการอยู่ร่วมกับโรคโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาลและการใช้บริการฌาปนสถานก็เพิ่มมากขึ้นด้วย
นางเจียว หย่าฮุย ผู้อำนวยการคณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีน (NHC) แถลงข่าว ณ กรุงปักกิ่ง เมื่อวันเสาร์ (14 ม.ค.) โดยระบุว่า จีนตรวจพบผู้เสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับโรคโควิด-19 ทั้งสิ้น 59,938 ราย ระหว่างวันที่ 8 ธ.ค. – 12 ม.ค.2566 โดยผู้เสียชีวิต 5,503 ราย เสียชีวิตด้วยอาการหายใจล้มเหลวจากการติดเชื้อโควิด-19 และอีก 54,435 รายเป็นผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มีโรคประจำตัวอยู่ก่อนแล้ว เช่น โรคมะเร็งและโรคหัวใจและหลอดเลือด