นายดมิทรี เพสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย จะ แถลงนโยบายประจำปี (State of the Nation Address) ต่อรัฐสภารัสเซียในวันอังคารนี้ (21 ก.พ.) ก่อนครบรอบ 1 ปีของการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตี ยูเครน เมื่อวันที่ 24 ก.พ.2565
โดยผู้นำรัสเซียจะแถลงต่อสมัชชาแห่งชาติ ซึ่งรวมถึงสมาชิกจากสภาสหพันธ์หรือวุฒิสภา และสภาดูมาหรือสภาผู้แทนราษฎร
ผู้เชี่ยวชาญด้านรัสเซีย นางทัตเตียนา สตาโนวายา ให้ความเห็นว่า ถ้อยแถลงของปธน.ปูตินในวันที่ 21 ก.พ.นี้ คาดว่าจะมีความแข็งกร้าวมากขึ้น หลังจากที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนเดินทางเยือนยูเครนเมื่อวันจันทร์ ซึ่งฝ่ายรัสเซียมองว่า การกระทำของไบเดนเป็นหลักฐานบ่งชี้ว่า สหรัฐต้องการให้รัสเซียประสบความพ่ายแพ้ในสงครามยูเครน และสงครามดังกล่าวกำลังกลายเป็นสงครามระหว่างรัสเซียและชาติตะวันตก ไม่ใช่จำเพาะกับยูเครนเท่านั้น
ทั้งนี้ ประธานาธิบดีโจ ไบเดน ผู้นำสหรัฐ สร้างความประหลาดใจด้วยการเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครนเมื่อวันจันทร์ (20 ก.พ.) และได้เข้าพบประธานาธิบดีโวโลดิเมียร์ เซเลนสกี ผู้นำยูเครน เพื่อแสดงการสนับสนุนของสหรัฐก่อนครบรอบ 1 ปี ของการที่รัสเซียใช้ปฏิบัติการพิเศษทางทหารโจมตียูเครนในวันที่ 24 ก.พ.2565
ประกาศให้ความช่วยเหลือยูเครนอีก 500 ล้านดอลลาร์
สื่อต่างประเทศรายงานว่า มีเสียงไซเรนดังทั่วกรุงเคียฟในระหว่างที่ประธานาธิบดีไบเดนหารือกับประธานาธิบดีเซเลนสกีภายในอาสนวิหารนักบุญไมเคิลกลางกรุงเคียฟ แต่ไม่มีรายงานว่ารัสเซียได้ทำการโจมตีทางอากาศ หรือยิงขีปนาวุธโจมตีกรุงเคียฟแต่อย่างใด
ไบเดนได้กล่าวยกย่องความกล้าหาญของชาวยูเครนในการสู้รบกับรัสเซีย และยืนยันว่าสหรัฐจะยังคงให้การสนับสนุนยูเครนตราบนานเท่านาน
ที่สำคัญนอกจากการให้กำลังใจและคำหวาน ประธานาธิบดีไบเดนเปิดเผยว่า สหรัฐจะให้ความช่วยเหลือทางการทหารครั้งใหม่แก่ยูเครนคิดเป็นวงเงิน 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการในวันอังคารนี้ (21 ก.พ.)
ข่าวระบุว่า นายไบเดนเคยเดินทางเยือนกรุงเคียฟเป็นเวลา 6 ครั้งในช่วงที่ดำรงตำแหน่งรองประธานาธิบดีสหรัฐ แต่ครั้งนี้นับเป็นการเดินทางเยือนครั้งแรกในฐานะประธานาธิบดีสหรัฐ หลังจากนั้นจะเดินทางเยือนโปแลนด์ในวันที่ 20-22 ก.พ. โดยปธน.ไบเดนมีกำหนดพบปะกับนายมาแตอุช มอราวีแยตสกี นายกรัฐมนตรีโปแลนด์ที่กรุงวอร์ซอ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเพิ่มกำลังทหารของสหรัฐในโปแลนด์
ปธน.ไบเดน ยังมีกำหนดการกล่าวปราศรัยที่กรุงวอร์ซอว์เพื่อขอความสนับสนุนให้แก่ยูเครน จากนั้นจะพบหารือกับเลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือ นาโต และผู้นำชาติสมาชิกกลุ่ม Bucharest Nine ก่อนที่จะเดินทางกลับวอชิงตันในวันพุธ (22 ก.พ.)
สภารัสเซียเตรียมรับลูกออกกฎหมายรองรับแถลงการณ์ "ปูติน"
ที่ผ่านมา การแถลงนโยบายประจำปี เป็นโอกาสที่ประธานาธิบดีรัสเซียจะกล่าวถึงทิศทางนโยบายทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อสาธารณะผ่านทางรัฐสภารัสเซีย ซึ่งหลังจากนั้น วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรจะทำการรับรองกฤษฎีกาของประธานาธิบดีเพื่อบังคับใช้นโยบายในแถลงการณ์ รวมทั้งจัดทำกฎหมายเพื่อรับรองนโยบายดังกล่าว
สำหรับการแถลงนโยบายประจำปีในครั้งนี้ได้ถูกจับตามองเป็นพิเศษ เนื่องจากมีขึ้นก่อนครบรอบ 1 ปีของการที่รัสเซียส่งกำลังทหารบุกโจมตียูเครน ทั้งยังเป็นการแถลงนโยบายขณะที่ผู้นำสหรัฐเดินทางเยือนกรุงเคียฟ เมืองหลวงของยูเครน แม้จะเป็นการเยือนเพียงเวลาสั้นๆ ราว 5 ชั่วโมง แต่สหรัฐก็ประกาศให้ความสนับสนุนทางการทหารแก่ยูเครนเพิ่มเติมอีกในวงเงิน 500 ล้านดอลลาร์ ซึ่งรวมถึงกระสุนปืนใหญ่และปืนต่อต้านรถถัง เป็นการแสดงท่าทีชัดว่า สหรัฐถือหางยูเครนและต้องการเห็นความพ่ายแพ้ของรัสเซีย
ในระหว่างการเยือนกรุงเคียฟ ผู้นำสหรัฐยังยืนยันด้วยว่าจะมีการประกาศมาตรการลงโทษรัสเซียชุดใหม่ในสัปดาห์นี้ และสหรัฐจะนำประเทศพันธมิตรกว่า 50 ประเทศร่วมสนับสนุนทางทหารแก่ยูเครน พร้อมทั้งการกำหนดมาตรการลงโทษเพิ่มเติมเพื่อสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจรัสเซีย
ล่าสุด ปธน.ไบเดนได้เดินทางออกจากกรุงเคียฟแล้ว และกำลังมุ่งหน้าสู่โปแลนด์ พันธมิตรสำคัญที่ให้ความช่วยเหลือยูเครนตลอดมา นับเป็นสัปดาห์ที่แบ่งแยกให้เห็นอย่างชัดเจนว่านี่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างรัสเซียกับยูเครนและชาติพันธมิตรตะวันตกที่พร้อมกดดันทุกวิถีทางจนกว่ารัสเซียจะถอย
แต่การแถลงนโยบายของประธานาธิบดีปูตินอังคารนี้ (ตามเวลาท้องถิ่น) จะให้คำตอบว่า รัสเซียจะฝ่าวงล้อมแรงกดดันนี้ออกมาด้วยท่าทีที่รุนแรงยิ่งกว่าหรือไม่