หลังจากที่ทางการ สหรัฐ ได้ออกมาตรการฉุกเฉินเพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจาก การปิดกิจการ ของ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ แบงก์ (Silicon Valley Bank) หรือ SVB และธนาคารซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) หรือ SB นายโจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ได้ออกมากล่าวย้ำเมื่อวันจันทร์ (13 มี.ค.)ว่า ชาวอเมริกันสามารถมีความเชื่อมั่นต่อระบบธนาคารของสหรัฐ และเขาขอขอบคุณสำหรับการดำเนินการที่รวดเร็วของเจ้าหน้าที่ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาในการที่จะแก้ไขปัญหาและสร้างความมั่นใจให้กับประชาชน
"ชาวอเมริกันสามารถมีความเชื่อมั่นว่าระบบธนาคารของเรามีความปลอดภัย และเงินฝากของคุณมีความปลอดภัย โดยลูกค้าทุกคนที่มีเงินฝากในทั้งสองธนาคาร (SVB และ SB)สามารถมั่นใจว่าเงินฝากจะได้รับการปกป้อง และพวกเขาจะสามารถเข้าถึงเงินฝากได้ภายในวันนี้" ปธน.ไบเดนกล่าว
ทั้งนี้ ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้ประกาศจัดตั้ง โครงการ "Bank Term Funding Program" โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องสถาบันการเงินจากผลกระทบของการล้มละลายของธนาคาร SVB
ขณะที่กระทรวงการคลังสหรัฐก็ยืนยันว่า ประชาชนที่ฝากเงินไว้กับ SVB และ SB จะสามารถเข้าถึงเงินฝากได้เต็มจำนวนตั้งแต่วันที่ 13 มี.ค. แม้ว่ากฎระเบียบของบรรษัทค้ำประกันเงินฝากของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ให้การคุ้มครองเงินฝากไม่เกิน 250,000 ดอลลาร์ต่อผู้ฝาก 1 ราย ต่อ 1 ธนาคาร
มั่นใจไม่ลุกลามบานปลายเหมือนปี 2008
ด้านนางเซซิเลีย เราส์ ประธานสภาที่ปรึกษาด้านเศรษฐกิจของทำเนียบขาว ได้ออกมาแถลงยืนยันในวันเดียวกันว่า ระบบธนาคารของสหรัฐในขณะนี้มีรากฐานที่แข็งแกร่งและสามารถรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นได้อย่างแน่นอน โดยเธอได้เปรียบเทียบว่า ความแข็งแกร่งของระบบธนาคารสหรัฐในวันนี้มีมากกว่าครั้งที่เกิดวิฤตแฮมเบอร์เกอร์เมื่อ 15 ปีที่แล้วมาก
ซึ่งในครั้งนั้นเมื่อปีค.ศ. 2008 สหรัฐเจอกับวิกฤตทางการเงินครั้งรุนแรงที่สุดในรอบหลายสิบปีที่เรียกว่า วิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ ที่เริ่มจากการเกิดภาวะฟองสบู่แตกในตลาดอสังหาริมทรัพย์ ตามมาด้วยการผิดนัดชำระหนี้ของสินเชื่อซับไพรม์และสินเชื่อดอกเบี้ยลอยตัวตั้งแต่ปี 2005-2006 ก่อนที่ธนาคารและสถาบันการเงินต่างๆ จะพากันประสบภาวะหนี้เน่าและขาดสภาพคล่องอย่างรุนแรง
การออกมาแถลงแสดงความมั่นใจของทำเนียบขาวเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของระบบธนาคารสหรัฐนั้น เกิดขึ้นหลังจากประธานสภาที่ปรึกษาบรรษัทค้ำประกันเงินฝาก(FDIC)ของรัฐบาลกลางสหรัฐออกมายืนยันว่า ผู้ถือบัญชีเงินฝากทุกรายของธนาคารที่ล้ม จะได้รับการคุ้มครองเงินฝากจำนวน 250,000 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 8.65 ล้านบาทต่อบัญชีเงินฝากและจะสามารถเข้าถึงเงินฝากของตัวเองได้ภายในวันจันทร์ที่ 13 มีนาคมนี้
มาตรการที่ประกาศออกมาทำให้นักวิเคราะห์หลายคนมองว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นกับธนาคารในสหรัฐในเวลานี้ น่าจะเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นในระยะสั้นเท่านั้น และไม่น่าจะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นวิกฤตใหญ่เหมือนกับเมื่อครั้งเกิดวิกฤตทางการเงินทั่วโลกในปี 2008
ศาสตราจารย์ เจอราร์ด โคมิซิโอ รองผู้อำนวยการวิทยาลัยกฎหมายวอชิงตัน ให้ความเห็นว่า แม้ธนาคารที่ล้มจะเป็นธนาคารขนาดใหญ่ แต่ทางการสหรัฐก็มีกฏระเบียบและมาตรการทางการเงินที่มีความเข้มแข็งและเข้มงวดมากพอที่จะจำกัดขอบเขตของความเสียหายได้ ซึ่งแตกต่างจากเมื่อปี 2008 ที่เกิดวิกฤตโดยที่หน่วยงานต่างๆยังไม่มีความพร้อมในการรับมือกับปัญหา
ข้อมูลอ้างอิง